การยางแห่งประเทศไทย ร่วมประชุมสภาไตรภาคียางฯ เร่งบริหารจัดการยางพาราของโลก
ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย พร้อมคณะ
เข้าร่วมประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (International Tripartite
Rubber Council : ITRC) ณ กรุงจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซีย
ระหว่างวันที่ 7-11 พฤศจิกายน 2559 เพื่อเร่งหาข้อสรุปเรื่องความร่วมมือในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบของโลก
อาทิ การพยากรณ์อุปสงค์ อุปทาน ยางพาราของโลก ความก้าวหน้าในการจัดตั้งตลาดยางระดับภูมิภาค (RRM) ผลการดำเนินการตามมาตรการกำหนดปริมาณการส่งออก (AETS) การสร้างความร่วมมือระหว่างสภาไตรภาคีกับประเทศจีน
และประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ
ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุม โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 15
ธันวาคม 2559 ณ กรุงเทพมหานคร
ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า
จากการประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับประเด็น
การพยากรณ์อุปสงค์ อุปทาน ยางพาราของโลก ในการนำหลักสถิติและวิชาการเข้ามาใช้ในการประเมินความต้องการการใช้ยางของโลก
ซึ่งโลกยังมีความต้องการใช้ยางพาราอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะไม่ได้เติบโตในอัตราที่สูงมากเกินไป
แต่ก็มีความใกล้เคียงกันของอุปสงค์ อุปทาน
ที่เกิดขึ้นในแต่ละปีประมาน 3 - 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
แต่สิ่งทีแตกต่างกันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือจะมีประเทศผู้ส่งออกที่มีความหลากหลายทำให้เกิดแข่งขันเพิ่มมากขึ้นรวมถึงการแข่งขันในเชิงประเทศผู้ปลูกยางพารา
ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหาจำเป็นต้องทำการพัฒนาคุณภาพยางพาราให้ตรงความต้องการของผู้ใช้ในโลก
“สำหรับความก้าวหน้าในการจัดตั้งตลาดยางระดับภูมิภาค (RRM) ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายกันยายนที่ผ่านมา ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก
อาจเนื่องมากจากการซื้อขายยางพาราแบบส่งมอบจริงเป็นเรื่องใหม่ของวงการตลาดยางพารา
ในขณะที่ตลาดยางพาราที่ผ่านมาจะเป็นตลาดซื้อขายยางแบบล่วงหน้า
คงต้องหาแนวทางการแก้ไขโดยการปรับเปลี่ยนเรื่องระเบียบที่จะทำให้ผู้ซื้อรายย่อยและผู้ขายรายย่อยสามารถเข้ามาใช้บริการได้ง่ายยิ่งขึ้น
และอาจรวมถึงการลดค่าธรรมเนียมเพื่อจูงใจให้คนเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
ซึ่งก็จะเป็นแนวทางที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารตลาดRRM ให้พิจารณาและดำเนินการต่อไป” ผู้ว่าการ
กยท. กล่าว
ดร.ธีธัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของผลการดำเนินการตามมาตรการกำหนดปริมาณการส่งออก (AETS) ขณะนี้ได้ดำเนินการเป็นครั้งที่ 3
ตั้งแต่มีการร่วมมือกันของไตรภาคียางพาราระหว่างประเทศ สาเหตุที่ต้องมีการวิเคราะห์กำหนดปริมาณการส่งออกที่เหมาะสม
อันเนื่องมาจากหลักสถิติจะแสดงให้เห็นว่าหากแต่ละประเทศทำการส่งออกโดยที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
จะทำให้ปริมาณสินค้าเกินความต้องการของตลาด ส่งผลกระทบต่อราคายางและส่งผลต่อเกษตรกรของโลก
จึงจำเป็นต้องหาจุดสมดุลของราคาและปริมาณ โดยการกำกับปริมาณให้เป็นไปตามข้อตกลงของ 3 ประเทศสมาชิก ได้แก่ ไทย
มาเลเซีย อินโดนีเซีย เนื่องจากการส่งออกยางพารารวมทั้ง 3 ประเทศมีปริมานมากกว่า
50 เปอร์เซ็นต์ของโลก ดังนั้นจะต้องมีการประเมินความเหมาะสมของปริมาณที่ชัดเจน
ในรอบปีนี้มาเลเซียเป็นประเทศเดียวที่สามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดที่เป็นพันธะสัญญาร่วมกันของสภาไตรภาคี
เพราะฉะนั้นประเทศไทยและอินโดนีเซีย ต้องทบทวนแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สามารถรักษาระดับปริมาณการส่งออกของแต่ละประเทศที่เหมาะสมเพื่อให้ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมในอนาคตต่อไป
ด้านการสร้างความร่วมมือระหว่างสภาไตรภาคีกับประเทศจีน
และประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ได้ทำหนังสือเชิญชวนประเทศจีนเข้าร่วมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ
แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ ขณะนี้ทำการติดตามและประสานงานกับไปยังประเทศจีนเพื่อรอคำตอบ
และในส่วนของประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน
ได้ทำหนังสือเชิญชวนประเทศเวียดนามมาเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วยเช่นกัน
เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกยางมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งขณะนี้ประเทศเวียดนามอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อดี - ข้อเสีย
และผลประโยชน์ที่ประเทศเวียดนามจะได้รับเมื่อร่วมสภาไตรภาคีระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
Advertivsing
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น