นั่นหมายความว่า การขายยางครั้งนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล
อยู่เหนืออำนาจของ กยท. แต่เป็นของรัฐบาล ที่มีผู้นำชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ยิ่งแน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์ เมื่อ พลโท สรรเสริญ
แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกเปิดเผยว่า
นายกรัฐมนตรี ไม่สบายใจที่เห็นหนังสือพิมพ์บางฉบับนำเสนอข่าวการประมูลยาง 3.1
แสนตันในทางลบ เข้าข่ายปลุกปั่นชาวสวนยางจนคัดค้านไม่ให้รัฐบาลขายยางในสต็อก
เพราะกลัวว่าราคาจะตกลง
สรุป ให้เข้าใจตรงกันว่า การขายยางครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
สาเหตุที่รัฐบาลตัดสินใจเทขายยางบิ๊กล็อตนี้
เพราะราคายางอยู่เป็นช่วยขาขึ้น เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการสูง
อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาสต็อกยางของรัฐบาลในอนาคต โดยเฉพาะงบประมาณที่ต้องจ่ายไปกับ
ค่าเช่าโกดัง และประกันภัย รวมปีละกว่า
400 ล้านบาท
รวมถึงความสุ่มเสี่ยงด้านราคา
หากอนาคตราคายางตกเตี้ยเรี่ยดินไปกว่านี้ รัฐจะขาดทุนเอา เพราะซื้อมาจากเกษตรกร
กก.ละ 62 บาท (ยางแผ่นรมควันชั้น 3) รวมทั้งเสียค่าจ้างผลิตไปอีกมหาศาล
การเลือกที่จะขายยางในห้วงเวลานี้ จึงเป็นการ
“เซ็ตซีโร่” สต๊อกยางของรัฐบาล และแน่เป็นแช่แป้งว่าถ้าขายตอนราคา 70 บาท
โครงการแทรกแซงราคายางของรัฐจะทำกำไร ซึ่งมีให้เห็นน้อยมาก
และอาจจะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ต้องจารึก
สรุปก็คือ รัฐบาลก็ต้องการมีกำไรจากราคายางเหมือนกัน
ช่วงนี้น้ำขึ้นต้องรีบตัก
เกษตรกรทักก็ไม่ฟัง
กยท.จึงเดินหน้าสุดลิ่มทิ่มประตูประมูลยาง
3.1 แสนตัน โดยไม่สนเสียงทักจากเกษตรกร
ขณะเดียวกัน ในภาคเกษตรกรชาวสวนยางเอง
ยังเกิดเสียงขัดแย้ง เมื่อ นายประทบ สุขสนาน
รองประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางการยางแห่งประเทศไทย บอกว่ากลุ่มของตน คือ “ตัวแทนเกษตรกรเลือดแท้”
ผ่านการคัดเลือกมาจากเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ พร้อมตั้งข้อสงสัยผ่าน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจว่า
กลุ่มของนายอุทัยแอบอ้างเป็นตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางออกมากดดันรัฐบาลและ
กยท. ไม่ให้ขายยาง 3.1 แสนตัน
“การที่กลุ่มบุคคล
ออกมาเคลื่อนไหวอาจจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ เพราะเป็นที่รู้กันในวงการยางพาราว่า
บางรายมีกลุ่มทุนในวงการยางพาราให้การสนับสนุน
และสร้างราคากับตัวเองทุกครั้งที่ยางพาราเริ่มมีราคาที่ดีขึ้น
พร้อมออกมาเคลื่อนไหวเสมอ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้กับใคร หรือกลุ่มทุนที่สนับสนุนตนเองอยู่หรือไม่นั้น
ย่อมรู้ตัวดี และมักสร้างปัญหาความแตกแยกระหว่างหน่วยงานของรัฐและเกษตรกรอยู่เสมอๆ
ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความร่วมมือในการยกระดับและพัฒนาอาชีพการทำสวนยาง
ทางที่ดีควรให้พิจารณาแนวทางกลุ่มของตนเอง หรือมาร่วมมือกับเครือข่ายสถาบันเกษตรกร
กยท. ซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย
เพื่อจะได้ร่วมกันขับเคลื่อนสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพาราอย่างแท้จริงต่อไปจะดีกว่า”
- Advertisement -
พร้อมกันนั้นยังสนับสนุนการขายยางบิ๊กล็อตของรัฐบาล
เพื่อแก้ปัญหาราคายาง “ถึงแม้จะมีการประกาศระบายยางในสต็อก
ก็ไม่ได้ทำให้ราคายางตกลง เพราะตลาดยังขาดแคลนอยู่อีกจำนวนมาก” นายประทบกล่าว
หากแต่ท้ายที่สุดศาลปกครองมีมติ
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ยกคำร้อง ไม่คุ้มครองการระงับขายยาง 3.1 แสนตัน
“ทำดีที่สุดแล้ว” นายอุทัยกล่าว ภายหลังศาลปกคลองมีคำตัดสิน
เป็นอันปิดฉาก
เกมต่อสู้ทางกฎหมายของเกษตรกร ส่วนรัฐบาลเดินหน้าขายยางได้สะดวกโยธิน
ขณะที่กลุ่มเกษตรกรยังคงวิตกจริต
เรื่องราคายางอย่างหนัก ยังไม่มีใครกล้าเก็บยางไว้ทำกำไรในตอนนี้
ถ้าราคายางตกต่ำ คือ “ผี”
ใครๆ ก็กลัวผี จึงแห่ขายยาง เพราะกลัวยางราคาลง
ขนาดรัฐบาลที่มีกลไก
มีเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์พร้อมสรรพ ยังเทขายหมดหน้าตัก นับประสาอะไรกับเกษตรกร
น้ำขึ้นต้องรีบตัก
คำโบราณใช้ได้เสมอ
แต่เมื่อเปิดประมูลยางวันแรก 28 ธันวาคม
2559 จำนวน 6 โกดังจากทั้งหมด 64 โกดัง กลับมีผู้ประมูลยางเพียง 1 ราย จากบริษัทที่มาลงทะเบียนร่วมประมูล
28 ราย และจบด้วยไม่มีผู้เคาะประมูล จนต้องพับเสื่อยกเลิกประมูล
ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ นายธีธัช
สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการด้านการเกษตรฯ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่าจะขายยางล็อตแรก 90,000 ตัน
ประธานธรรมการฯ ถาม
แล้วทำไมออกข่าวว่าจะขายยาง 3.1 แสนตัน…???
เป็นการตอกตะปูย้ำไปยังความกังวลของเกษตรกร
ที่ว่า การขายยาง 3.1 แสนตันนี้ หรือจะเป็น ละครฉากใหญ่ เพื่อสร้าง “แผ่นดินไหว”
ให้ราคายาง
- Advertisement -
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น