ปาล์มน้ำมัน

[ปาล์มน้ำมัน][bsummary]

ยางพารา

[ยางพารา][bsummary]

เทคนิคจากสวน

[เทคนิคจากสวน][twocolumns]

NEWS

[News][bleft]

ธุรกิจยางเครป สหกรณ์ยางฯ ในโตน จ.พังงา สร้างความเป็นธรรมให้สมาชิก ผลิตวันละ 30 ตัน

ไม่ใช่เรื่องผิดที่เกษตรกรชาวสวนยางจะผลิต “ยางก้อนถ้วย” ซึ่งเป็นประเภทยาง “คุณภาพต่ำ” เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับราคายางปัจจุบัน

ไม่ใช่เรื่องผิด ที่พ่อค้ารับซื้อยางก้อนถ้วย และโรงงานยางแท่ง จะซื้อยางก้อนถ้วยด้วยวิธีกดราคาให้ต่ำที่สุด ในเมื่อยางก้อนถ้วย อุดมไปด้วยความชื้นสูง แต่ DRC ต่ำ และยังมีสิ่งปลอมปนอื่นๆ

เพียงแต่ขึ้นอยู่กับเกษตรกรชาวสวนยางจะยอมรับกับผลลัพธ์ของการผลิตยางก้อนถ้วยได้หรือไม่...???

ถ้ารับได้ก็ทำยางก้อนถ้วยที่มีต้นทุนต่ำ พอๆ กับราคารับซื้อต่อไป แต่ถ้ารับไม่ได้ก็ต้องหาแนวทางแก้ปัญหา
ดังตัวอย่างของชาวสวนยางใน จ.พังงา กว่า 360 คน ในนาม สหกรณ์กองทุนสวนยางในโตน จำกัด มองเห็นจุดอ่อนและความไม่เป็นธรรมของการซื้อขายยางก้อนถ้วยในพื้นที่ เนื่องจากถูกกดราคาจากพ่อค้า ในขณะเดียวกันพ่อค้าก็ถูกกระทำเช่นเดียวกันจากโรงงาน 

“กรรม” ทั้งหมดจึงตกอยู่กับเกษตรกรชาวสวนยาง

สหกรณ์ฯ ในโตน จึงต้องการช่วยเหลือสมาชิก ซึ่งหันไปผลิตยางก้อนถ้วยมากถึง 60% ด้วยวิธีลงทุนธุรกิจแปรรูปยางก้อนถ้วยเป็น “ยางเครป”

ทำไมต้องผลิตยางเครป...???

นายวิรัติ จรูงการ ผู้จัดการสหกรณ์ ชี้แจงแถลงไขให้ฟังว่า ปกติยางก้อนถ้วยจะมีน้ำหรือความชื้นอยู่ในก้อนยางสูง เมื่อนำไปขายมักจะถูกตัดราคาจากพ่อค้ารับซื้อ อย่างน้อยๆ ก็ 50% 

หมายความว่ายางก้อนถ้วยหนัก 100 กก. จะถูกตัดความชื้น 50 กก. เหลือน้ำหนักยาง 50% ทั้งที่ความจริงความชื้นในก้อนยางอาจจะมีอยู่น้อยกว่า 50% นี่คือความเสียบเปรียบที่สมาชิกสหกรณ์เจอ และก็เป็นอย่างนี้ทั่วประเทศ

สหกรณ์จึงจำเป็นต้องสร้างโรงผลิตยางเครปขึ้นมา เพื่อแปรรูปยางก้อนถ้วยของสมาชิกเป็นยางเครป ซึ่งก็คือ นำยางก้อนถ้วยมารีดเอาน้ำออกจากก้อนยาง พร้อมกับทำความสะอาดเบื้องต้น เมื่อรีดออกมาเป็นแผ่นจึงมีความชื้นเหลืออยู่ไม่เกิน 30% เนื้อยางไม่ต่ำกว่า 70% และที่สำคัญโอกาสที่จะถูกกดราคาซื้อจากพ่อค้าจะลดน้อยลง
 นายวิรัติ จรูงการ ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางในโตน จำกัด
น้ำยางสดจากสมาชิกจาก 7 ตัน/วัน เหลือเพียง 3 ตัน กระทบกับแรงงานและธุรกิจโดยรวมของสหกรณ์

ผู้จัดการสหกรณ์ ปูพื้นความเป็นมาของสหกรณ์ฯ ในโตนให้ฟังว่า เริ่มต้นก่อตั้งเมื่อปี 2538 ในยุคที่รัฐบาลมีนโนบายส่งเสริมการแปรรูปน้ำยางสดเป็นยางแผ่นรมควันในภาวะราคายางตกต่ำ ก่อนจะดำเนินการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสหกรณ์กองทุนสวนยางเพียงไม่กี่แห่งของประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจนี้มาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ประสบปัญหาเรื่องการบริหารธุรกิจ จึงเป็นหนึ่งในสหกรณ์กองทุนสวนยางที่มีความเข้มแข็งที่สุดแห่งหนึ่ง สามารถผลิตยางแผ่นรมควันได้ปีละกว่า 100 ตัน

เพียงแต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เกิดวิกฤติราคายางตกต่ำอย่างหนัก สมาชิกจำนวนมากหันมาทำยางก้อนถ้วย แทนการเก็บน้ำยางมาขายสหกรณ์ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าใช้ต้นทุนต่ำ และขายได้เงินไว สอดคล้องกับวิกฤติราคายาง

ปริมาณน้ำยางของสมาชิกที่ป้อนสหกรณ์จึงลดน้อยลงเหลือเพียง 2-3 ตันเท่านั้น จากเดิม 7 ตัน/วัน นายวิรัติยอมรับว่าน้อยเกินไป ขณะเดียวกันราคายางก็ขึ้นๆ ลงๆ แต่ต้นทุนการแปรรูปน้ำยางเป็นยางแผ่นรมควันกลับเพิ่มสูงขึ้น แต่สหกรณ์ก็พยายามบริหารต้นทุนจนพอประคับประคองธุรกิจนี้มาได้


- Advertisement -
ยางแผ่นรมควัน แม้จะเพิ่มมูลค่าได้มาก แต่ต้นทุนผลิตสูง และราคาขึ้นลงทุกวัน

แต่ปัญหาของสมาชิกยังไม่ถูกแก้ไข เพราะยางก้อนถ้วยของสมาชิกต้องนำไปขายให้พ่อค้ายางในพื้นที่ ขณะที่สหกรณ์เองก็ไม่มีเงินทุนและประสบการณ์ที่จะรับซื้อยางประเภทนี้ได้ เพราะต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนหลักแสนต่อวัน

ทางสหกรณ์จึงทำเรื่องของบประมาณจากจังหวัดพังงาจำนวน 1.2 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรผลิตยางเครป จำนวน 1 ชุด ประกอบด้วย เครื่องสับยาง 1 ตัว เครื่องรีดยางเครป 2 ตัวพร้อมระบบสายพาน

ประสบปัญหาเรื่องจักรรีดยางเครป ประสิทธิภาพต่ำ ผลิตยางได้น้อย ไม่คุ้มค่า

“ของฟรี แล้วดี ไม่มีในโลก” น่าจะเห็นเค้ารางความเป็นจริง เมื่อเครื่องจักรผลิตยางเครปที่ผ่านการประมูลมาจำนวน 1.2 ล้านบาท ประสบปัญหาการผลิตยางเครปไม่ได้คุณภาพ

“หลังจากเริ่มต้นผลิตยางเครปแล้วนำไปขายโรงงานใน จ.สุราษฎร์ฯ ยางเราขายได้ราคาต่ำ เพราะเขาบอกว่ายางเครปรีดไปแหลกละเอียด แผ่นหนาเกินไป เราก็กลับมาหาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ถ้าจะเป็นเพราะคุณภาพยางนิ่มหรือแข็ง เราปรับขอนลูกรีดให้ชิดแล้ว ก็ยังไม่แหลกละเอียด ยังเป็นก้อนเหมือนเดิม เครปได้วันละ 4-5 ตันเท่านั้น คนงานก็ไม่อยากทำ เพราะทำได้น้อย ค่าแรงก็ได้น้อยไม่คุ้มค่า ก่อนจะพบว่าปัญหาส่วนหนึ่งอยู่ที่เครื่องจักรรีดยางเครป” นายวิรัติ สรุปสาเหตุปัญหา

ปีงบประมาณต่อมาสหกรณ์ 2 แห่งใน จ.พังงา ได้งบจัดซื้อเครื่องรีดยางเครปจากโครงการเดียวกัน แต่เป็นคนละบริษัทกับเครื่องจักรของสหกรณ์ฯ ในโตน นายวิรัติจึงเดินทางไปดู จึงเห็นประสิทธิภาพเครื่องจักรแตกต่างกัน เช่นเครื่องใหญ่กว่า กำลังมอเตอร์สูงกว่า รีดยางออกมาได้ละเอียด สะอาด และรวดเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เครื่องสับยางและบ่อล้าง ช่วยให้รีดยางเครปได้เร็วขึ้น อนาคตจะปรับเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อลดจำนวนแรงงานลง

“กลับมาเราก็รีบเรียกประชุมคณะกรรมการว่าเครื่องจักรเรามีปัญหา ขายยางแล้วไม่มีคุณภาพ โดนตัดราคา จึงตัดสินใจใช้เงินของสหกรณ์สั่งซื้อเครื่องจักรรีดยางเครปจากบริษัทใหม่ทันที 1 ตัว ทำให้มีเครื่องรีดยางเครป 3 เครื่อง เดินระบบสายพานลำเลียง แต่ก็ประสบปัญหาอยู่ดี เพราะแม้ว่าเครื่องใหม่จะรีดได้ดี แต่เครื่องเก่า ก็ยังรีดไม่ละเอียด เหมือนยางมันวิ่งผ่านเฉยๆ ยางก็ไม่ละเอียดเหมือนเดิม”

“ถ้าเป็นอย่างนี้มันจะเสียเวลาและเสียโอกาส จึงตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องใหม่อีก 2 เครื่องทันที เห็นความแตกต่างของคุณภาพและความรวดเร็วเลย เครื่องตัวใหม่รีดได้แหลกละเอียด และสะอาด ถ้าเป็นยางนิ่ม รีดได้ 5 ตัน/ชั่วโมง แต่ถ้ายางแข็งรีดได้ 2.5-3 ตัน/ชั่วโมง หรือวันละอย่างน้อย 30 ตัน ขึ้นอยู่กับชั่วโมงทำงาน” ผู้จัดการเล่าถึงทางออกของปัญหาในท้ายที่สุด

เครื่องจักรรีดยางเครป (FMG) ระบบอัตโนมัติชุดใหม่ที่สหกรณ์ฯ ในโตน ตัดสินใจซื้อใหม่แทนชุดเดิม ซึ่งแข็งแรง มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องจักรชุดเดิม

เครื่องจักร สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจยางเครป...???

ในกระบวนการผลิตยางเครป นอกจากลักษณะยางที่ต้องเหมาะสมกับการนำมารีดยางเครปแล้ว  ประสิทธิภาพเครื่องจักรคือ “แขน ขา” ที่สำคัญ อันดับแรกโครงสร้างเครื่องจักรต้องมั่นคง แข็งแรง กำลังมอเตอร์สูง เนื่องจากเครื่องจักรต้องทำงานหนัก มอเตอร์จึงต้องมีกำลังสูง ขณะที่ขอนลูกรีด ต้องสามารถขบขยี้เนื้อยางได้แหลกละเอียด เพื่อรีดน้ำและสิ่งสกปกรกออกจากเนื้อยางได้อย่างละเอียด ซึ่งจะมีผลต่อเปอร์เซ็นต์ยาง และคุณภาพยาง

ทั้งนี้เครื่องจักรของสหกรณ์ฯ ในโตน ชุดใหม่เป็นของ บริษัท เอฟ เอ็ม จี อินดัสทรี จำกัด ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 50 แรงม้า ใช้ไฟฟ้า 380 โวลท์ ขนาดลูกรีด 15 นิ้ว ยาว 70 ซ.ม. กำลังการผลิต 1.5 ตัน เมื่อเดินเครื่องพร้อมกัน 3 ตัว พร้อมระบบสายพานลำเลียง สามารถผลิตยางได้รวดเร็วขึ้น  3-5 ตัน/ช.ม.หรือ 30 ตัน/วัน ขึ้นอยู่กับชนิดยางและชั่วโมงทำงาน
 ยางก้อนถ้วยถูกสับและล้างเบื้องต้น ก่อนนำเข้าเครื่องรีดเครประบบสายพาน 3 เครื่อง ทำให้ทำงานได้เร็วและลดจำนวนแรงงาน

“อนาคตเราจะเพิ่มเครื่องอีก 1 เครื่อง เพราะการรีดยางเครปให้ได้คุณภาพต้องรีด 4 รอบ แต่เรามีแค่ 3 เครื่อง เวลารีดเราจึงต้องรีดเครื่องแรก 2 รอบ แต่ถ้าเพิ่มอีก 1 เครื่อง เป็น 4 เครื่อง จะรีดรอบเดียวผ่าน 4 เครื่อง จะทำให้รีดได้เร็วขึ้น จากนั้นจะปรับปรุงระบบสับล้างเป็นแบบอัตโนมัติมีเครื่องตักยางจากบ่อขึ้นสู่เครื่องรีดแบบอัตโนมัติเช่นเดียวกัน เหมือนอย่างที่โรงงานยางแท่งทำ จะทำได้เร็วและใช้แรงงานน้อยลงเหลือ 3 คน จากปัจจุบันใช้ 7 คน”


ธุรกิจยางเครป สหกรณ์ฯ ในโตน คานราคายางก้อนถ้วยให้สูงขึ้น

นายวิรัติ เล่าให้ฟังว่า ยางเครปเป็นการแปรรูปขั้นหนึ่งเพื่อเพิ่มมูลค่า จากเดิมสมาชิกขายยางก้อนถ้วยให้ลานรับซื้อ ราคาต่ำมาก เพราะยางก้อนถ้วยมีความชื้นสูง แต่ถ้านำยางมาขายกับสหกรณ์ หลังหักต้นทุนแรงงานและไฟฟ้าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น กก.ละ 2 บาท เป็นอย่างน้อย หลังจากหักค่าบริหารจัดการอื่นๆ กำไรเหล่านี้จะปันผลคืนให้สมาชิกในช่วงปลายปี 40-50 สตางค์ / กก. สหกรณ์จึงสามารถซื้อยางได้ราคาสูงกว่าลานรับซื้อ สมมุติสมาชิกขายยางก้อนถ้วยได้ กก.ละ 29 บาท แต่สหกรณ์สามารถซื้อได้ 29.50 บาท หรือ 30 บาท เป็นต้น
 ยางก้อนถ้วยภายหลังจากผ่านเครื่องสับและล้าง
“หลังจากสหกรณ์เริ่มต้นผลิตยางเครปได้ประมาณ 2 เดือน โดยเริ่มต้นรับจ้างเครปยางให้กับพ่อค้ารายใหญ่ในพื้นที่ เนื่องจากเราเป็นมือใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการคัดเลือกวัตถุดิบ ว่ายางมีความชื้นเท่าไหร่ รีดไปแล้วจะเหลือเนื้อยางเท่าไหร่ นำไปขายโรงงานแล้วจะได้ราคาเท่าไหร่ ถ้าเราไม่มีประสบการณ์ทำไปแล้วเกิดขาดทุนจะสร้างความเสียหายแก่สหกรณ์ สหกรณ์จึงรับจ้างพ่อค้าเครปยาง 1.10 บาท/กก.”

“แต่ผลดีที่เกิดขึ้น เมื่อพ่อค้ารายใหญ่ในพื้นที่จ้างสหกรณ์รีดยางเครป เขาจะเพิ่มมูลค่ามากขึ้น ทำให้สามารถแข่งขันราคาได้ เช่นซื้อยางสูงกว่าลานรับซื้ออื่นๆ ลานอื่นถ้าจะแข่งขันก็ต้องเปิดราคาซื้อเท่ากันหรือมากกว่า ทำให้ยางในพื้นที่ไม่ถูกกดราคา เขารับซื้อ กก.ละ 29-30 บาท แต่รถที่วิ่งซื้อตามสวน 26-27 บาทเท่านั้น นี่คือความแตกต่าง”
พังงาผลิตยางก้อนถ้วย 60% ของจำนวนยางทั้งจังหวัด

ผู้จัดการสหกรณ์เปิดเผยว่า อนาคตปริมาณยางก้อนถ้วยใน จ.พังงา จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณยางของจังหวัดปัจจุบัน เป็นยางก้อนถ้วย 60% ยางแผ่นดิบ 20% น้ำยางสด 15% ที่เหลือเป็นยางแผ่นรมควันของสหกรณ์ 4 แห่ง และพ่อค้า การที่สหกรณ์หันมาทำธุรกิจยางเครป จึงเป็นตัวถ่วงดุลราคายางก้อนถ้วยได้ดี เพราะถ้าเกษตรกรขายพ่อค้าก็จะถูกกดราคาจากความชื้น และความสะอาด

“อย่างไรก็ตาม การทำยางเครป จะมีปัญหาเรื่องความไม่สม่ำเสมอของวัตถุดิบ บางคนขายยาง 3 มีด บางคน 4 มีด บางคนก็ 6 มีด เวลารีดจึงต้องคัดคุณภาพยางที่เหมาะสม ถ้าเป็นยางอ่อนมีน้ำเยอะไม่เหมาะรีดเครป เพราะรีดไปเหลือเนื้อยางน้อย ขายขาดทุนแน่นอน ยางที่เหมาะสมนำมารีดเครป ควรเป็นยางกรีด ไม่ต่ำกว่า 6 มีด”
“ส่วนข้อดีของยางเครป นอกจากเพิ่มมูลค่าแล้ว ยังช่วยในภาพรวม อย่างโรงงานเองเขาก็ลดขั้นตอนการผลิตลง จากที่ซื้อยางก้อนถ้วยเข้าไป ต้องใช้พื้นที่เก็บยางหมักยาง แล้วสับทำความสะอาด และรีดเครปอีกหลายรอบ ถ้าซื้อยางเครปจากสหกรณ์ไป โรงงานก็จะลดขั้นตอนการผลิต ลดเครื่องจักรลง ลดการใช้น้ำ และลดน้ำเสียจากโรงงาน ยางเครปก็คือขั้นตอนหนึ่งของการทำยางแท่งของโรงงาน สหกรณ์เองต้องปรับตัวตามวัตถุดิบของสมาชิก เพราะนาทีนี้ถ้าทำยางรมควันอย่างเดียวธุรกิจดำเนินต่อไปไม่ได้” ผู้จัดการสหกรณ์กองทุนสวนยางในโตน ยอมรับ

แม้ว่าจะห้ามเกษตรกรทำยางก้อนถ้วยไม่ได้ แต่สหกรณ์กองทุนสวนยางในโตน ก็สามารถช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับสมาชิกได้ด้วยการขยายธุรกิจยางเครป แม้ว่าปัจจุบันจะยังรับจ้างพ่อค้ารายใหญ่ในพื้นที่ผลิตยางเครป แต่ผู้จัดการสหกรณ์ยืนยันว่า จะเปิดรับซื้อยางจากสมาชิกในเร็วๆ นี้

ขอขอบคุณ
วิรัตน์ จรุงตาล
สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านในโตน จำกัด
15 หมู่ 3 ต.ป่ากอ อ.เมือง จ.พังงา 82000 โทรศัพท์ 08-1719-5142
#ยางพารา #สวนยาง #ยางเครป


- Advertisement -


ไม่มีความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม