ในอดีตเกษตรกรชาวสวนยางภาคตะวันออกนิยมผลิต “ยางแผ่นผึ่งแห้ง” หรือที่เรียก
“ยาง ADS” ( Air Dried
Sheet) เพื่อส่งต่อยังโรงงานผลิตภัณฑ์ทำยางรัดของ พื้นรองเท้า
รองเท้าแตะ จุกนมยาง ยางยืด ยางขัดสีข้าว อุปกรณ์ทางการแพทย์
หรือผลิตภัณฑ์ยางที่ผสมสีได้ตามความต้องการเพื่อจำหน่ายในประเทศ
ยาง ADS เป็นยางที่ทำแบบเดียวกับ “ยางแผ่นรมควัน” เพียงแต่ผ่านการอบด้วยลมร้อนเพื่อทำให้ยางแห้ง
ได้ยางแผ่นบาง มีสีเหลืองสวย ใส ชาวบ้านมักเรียก “ยางแก้ว”
แต่ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา ตลาดมีความต้องการน้อยลง จนปัจจุบันเกษตรกรหันมาผลิต
“ยางแผ่นดิบ”หรือ “ยางเหลือง” เพื่อส่งต่อยังโรงงานผลิตยางแผ่นรมควัน
และยังคงผลิตยางให้มีสีเหลืองเช่นเดียวกับยาง ADS (รูปที่ 1)
รูปที่ 1 ยางแผ่นดิบหรือยางเหลืองที่ผลิตจากภาคตะวันออก
ด้วยความที่ตั้งใจหรือไม่ทราบประการใด
เกษตรกรบางรายใส่สีลงในน้ำยาง (รูปที่ 2) เพื่อต้องการให้ยางแผ่นมีสีออกเหลือง
จากคำบอกเล่าของเกษตรกรแจ้งมาทางทีมศูนย์บริการทดสอบรับรองภาคใต้ ว่าผู้ซื้อมักชอบยางที่มีสีเหลือง
ถ้าแผ่นยางที่ให้สีเหลืองมากเท่าไรก็จะได้ราคาสูงมากขึ้นเท่านั้น (รูปที่ 3)
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นพบว่าในเขตพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
ชลบุรี เกษตรกรจะนำยางที่ผ่านการรีดแล้วไปผึ่งแดดไว้สักระยะหนึ่งให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำยางเข้าอบในโรงอบ
ลักษณะเป็นโรงปิดทึบผนังก่ออิฐ
ส่วนหลังคามุงด้วยพลาสติกใสเพื่อให้แสงแดดส่องผ่านได้จนยางแห้งใช้ระยะเวลา 4-7 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงแดด
รูปที่ 2 ผสมสีลงในน้ำเตรียมทำยางแผ่น
รูปที่ 3 ผสมน้ำยางสดลงไปในน้ำที่ผสมสีเหลืองเพื่อต้องการผลิตยางเหลือง
แผ่นยางเมื่อแห้งแล้วเป็นสีเหลืองสวย
เมื่อนำไปจำหน่ายก็จะจัดชั้นเป็นยางเหลือง 1 ยางเหลือง 2 เหลือง
3 เหลือง 4 และ เหลือง 5 ตามลำดับ ขึ้นอยู่กับความสะอาด ปริมาณความชื้น ความหนา บาง และสีเหลืองใส
ยางเหลือง 1 จะจำหน่ายได้ในราคาที่สูงกว่ายางชั้นอื่นๆ
แผ่นยางที่อยู่ในโรงอบลักษณะนี้ถึงแม้จะไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงแต่รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์จะทะลุผ่านแผ่นพลาสติกใสเกิดการปฏิกิริยาออกซิเดซัน
ส่งผลให้ยางเสื่อมคุณภาพ (รูปที่ 5) โดยเฉพาะค่าความยืดหยุ่นหรือค่าความอ่อนตัวเริ่มแรก (Po) มีค่าต่ำกว่ายางแผ่นดิบคุณภาพดีอยู่ถึง 15 หน่วย
และค่าความหนืดต่ำกว่าประมาณ 20 หน่วย
รูปที่ 4 อบยางในโรงอบที่หลังคาทำด้วยพลาสติกใสเป็นสาเหตุให้ยางเสื่อมคุณภาพ
ยางแผ่นดิบที่มีคุณภาพดีหมายถึง
ยางที่มีความยืดหยุ่นดี สะอาด มีความหนา บางไม่เกิน 3.8 มม.
ขนาดแผ่นได้มาตรฐาน มีฟองอากาศขนาดเล็กได้ (รูปที่ 5)
ส่วนยางเหลืองที่ผ่านการอบในโรงอบหลังคาใสนี้พบว่าเมื่อดึงยางจะย้วยไม่สามารถหดกลับที่เดิมได้
แสดงถึงรังสีอัตราไวโอเลตหรือรังสียูวีได้ทำลายโมเลกุลยางทำให้ยางเกิดการเสื่อมสภาพ
ยางเหลืองนี้ยังคงเป็นยางแผ่นดิบมีความชื้นอยู่ไม่น้อยกว่า
3% จึงต้องนำส่งโรงงานเพื่อผลิตยางแผ่นรมควัน
ความร้อนจากเตาเผายิ่งทำให้ยางแผ่นรมควันที่ผลิตมีสมบัติทางกายภาพด้อยลงไปอีก
รูปที่ 6 ยางแผ่นอบแห้งที่มีคุณภาพดี เมื่อดึงแล้วปล่อยจะสามารถหดกลับเข้าสู่สภาพเดิมได้ง่าย
ในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน ของทุกปีหลาย ๆ พื้นที่เป็นช่วงปิดกรีด เกษตรกรควรจะใช้ช่วงเวลานี้
เร่งแก้ไขโรงอบยางให้ผลิตยางที่มีคุณภาพดีได้มาตรฐาน โดยมีแนวทางการแก้ไข ดังนี้
1. เปลี่ยนหลังคาที่ทำจากพลาสติกใสเป็นแผ่นสังกะสีลอนเล็กทั้งหมด
ด้านนอกทาสีดำเพื่อดูดแสง
2. ติดตั้งปล่องระบายความชื้นให้มีความสูงเหนือระดับสันจั่วของหลังคาพร้อมติดตั้งกระโจมกันน้ำฝนเพื่อให้อากาศจากภายนอกพัดผ่านความชื้นที่อยู่ข้างในออกไปได้
(รูปที่ 6)
3. ผนังและหลังคาปิดสนิทไม่ให้มีอากาศหรือความชื้นจากภายนอกเข้ามาในโรงอบได้
รูปที่ 7 ติดตั้งท่อระบายความชื้นบริเวณหลังคาเพื่อไล่ความชื้นจากยางแผ่น
ในการทำยางแผ่นดิบให้มีคุณภาพดี
จะต้องพิจารณาสมบัติทางกายภาพของยางที่สำคัญคือความยืดหยุ่น
ยางเป็นวัสดุชนิดเดียวในโลกที่สามารถยืดได้ หดกลับสู่สภาพเดิมได้
มีความต้านทานต่อการฉีกขาด ทนต่อการสึกหรอและต่อการเสื่อมสภาพได้ดี
ซึ่งหาวัสดุอื่นจากธรรมชาติที่มีสมบัติเทียบเท่าได้ยาก
ดังนั้นไม่ยากเลยที่จะปรับเปลี่ยนการทำยางทางภาคตะวันออกใหม่ให้เป็นยางแผ่นดิบที่มีคุณภาพดี
ได้ยางที่มีความยืดหยุ่นดี ทนทานต่อการเสื่อมสภาพ ได้สมบัติที่เหมาะกับการนำยางไปผลิตเป็นยางยานพาหนะชนิดต่างๆ
ยางที่ทนต่อการกดทับน้ำหนักหรือแรงต้านสูง ๆ ป้องกันการสั่นสะเทือนและแรงกระแทกได้ดี
ให้ชื่อว่ายางไทยเป็นยางที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก
ตารางที่ 1 สมบัติทางกายภาพของยางเหลืองเปรียบเทียบกับยางแผ่นดิบคุณภาพดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น