40 ปี บนเส้นทางปาล์มน้ำมัน ดร.เอนก ลิ่มศรีวิไล กับผลงาน โกลด์เด้นเทเนอร่า พันธุ์ปาล์มน้ำมันเพื่อคนไทย
Labels:
ปาล์มน้ำมัน
นักปรับปรุงพันธุ์พืชดีเด่น ประจำปี
2553, กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ,
คณะกรรมการพิจารณารับรองมาตรฐานคุณภาพของโรงงานอุตสาหกรรม และปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาวิชาการปรับปรุงพันธุ์พืช ฯลฯ
เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตำแหน่งและคุณวุฒิด้านปาล์มน้ำมันของ
ดร.เอนก ลิ่มศรีวิไล ซึ่งฉายภาพความเป็น “ปราชญ์ด้านปาล์มน้ำมัน”
ได้แจ่มชัดที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตลอด
40 ปีที่ ดร.เอนกคลุกคลีกับปาล์มน้ำมัน จึงตกผลึก รู้ลึก รู้จริง
ในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบ
โดยเฉพาะงานพัฒนาสายพันธุ์เป็นผลงานโดดเด่นและสร้างชื่อให้ดร.เอนก กับผลงานปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมที่ได้รับความนิยมตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ในชื่อ “โกลด์เด้นเทเนอร่า” พันธุ์ปาล์ม ที่พัฒนาขึ้นมาในเมืองไทยและให้ผลผลิตสูง
โดยเฉพาะงานพัฒนาสายพันธุ์เป็นผลงานโดดเด่นและสร้างชื่อให้ดร.เอนก กับผลงานปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมที่ได้รับความนิยมตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ในชื่อ “โกลด์เด้นเทเนอร่า” พันธุ์ปาล์ม ที่พัฒนาขึ้นมาในเมืองไทยและให้ผลผลิตสูง
ดร.เอนก
ตั้งโจทย์กับพันธุ์ปาล์มมาตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้วว่า ทำอย่างไรให้ปาล์มน้ำมันมีสายพันธุ์ที่ดี
เหมาะสมกับประเทศไทย
เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากพันธุ์ปาล์มที่นำไปปลูกมากที่สุด
“ผมตั้งใจพัฒนาพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมของไทยเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดเมื่อเทียบกับ
พันธุ์การค้าอื่นทั่วโลก” นี่คือความตั้งใจของ ดร.เอนก
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
คัดเลือกต้นพ่อแม่พันธุ์ทนแล้ง
ผลผลิตสูง
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ดร.เอนกได้คัดเลือกต้นแม่พันธุ์ดูร่า
และต้นพ่อพันธุ์พิสิเฟอร่าที่ขยายพันธุ์ด้วยเนื้อเยื่อ (Cloning) จากประเทศมาเลเซียและได้นํามาปลูกทดสอบในประเทศไทย
เมื่อปี พ.ศ.2535 ใน จ.สุราษฎร์ธานีและจ.กระบี่ (พ.ศ.2542)
พ่อแม่พันธุ์ที่คัดเลือกมาผลิตพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมเทเนอรา(DXP) สามารถปรับตัวได้ดีในช่วงฤดูแล้งนาน
60-90 วัน และให้ผลผลิตสูง 280-350
กก./ต้น/ปี มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงถึง 30%-32%
ต่อมาได้จดทะเบียนพ่อแม่พันธุ์กับกรมวิชาการเกษตร
และตั้งชื่อพันธุ์ลูกผสมเทเนอร่า ว่า “โกลด์เด้นเทเนอร่า”
และเป็นพันธุ์ปาล์มน้ำมันแนะนำของเอกชนรายแรก
ที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำให้เกษตรกรปลูก
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
โกลด์เด้นเทเนอร่า ปาล์มน้ำมันพันธุ์ไทย ผลผลิตสูง ยอดนิยมทั่วไทย
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
โกลด์เด้นเทเนอร่าเป็นปาล์มน้ำมันลูกผสม
DXP ที่เกษตรกรให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน
กว่า 12 ปี มีคุณสมบัติเฉพาะ คือ ทนแล้ง ให้ผลผลิตสูง
เติบโตได้ดีในภูมิอากาศของเมืองไทย และยังมีการปรับปรุงพันธุ์อย่างต่อเนื่อง
จนได้โกลด์เด้นเทเนอร่ารุ่นใหม่ที่ให้ผลผลิตและเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงขึ้น
คุณสมบัติ
Golden Tenera
➭ เนื้อหนากะลาบาง
➭ ความสูงเฉลี่ยต่อปี 40-60 เซนติเมตร
(เก็บเกี่ยวสะดวก)
➭ จำนวนทะลายปาล์ม 15-20 ทะลาย/ต้น/ปี
➭ ทนแล้งนาน 90 วัน
ยังให้ผลผลิตต่อเนื่อง
➭ ได้รับการขึ้นทะเบียนพ่อแม่พันธุ์และแม่พันธุ์จากกรมวิชาการเกษตร
➭ เป็นเอกชนรายแรก
ที่ได้รับการรับรองให้เป็นพันธุ์แนะนำจากกรมวิชาการเกษตร
➭ มีงานวิจัยต่อเนื่อง เช่น
การวิจัยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพันธุ์ปาล์มน้ำมันเพื่อเพิ่มผลผลิตและเปอร์เซ็นต์น้ำมันให้สูงขึ้น
สายพันธุ์ KB-Golden Tenera
สายพันธุ์ KB4 Golden Tenera
ลักษณะเด่นสายพันธุ์
KB-Golden Tenera
➭ คุณสมบัติเฉพาะ ให้ผลผลิตมากกว่า 5
ตัน/ไร่/ปี ➭ ให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง 26-28%
ลักษณะเด่นสายพันธุ์
KB4 Golden
Tenera
➭ คุณสมบัติเฉพาะให้ผลผลิตมากกว่า 6
ตัน/ไร่/ปี
➭ ผลยาวใหญ่ เนื้อหนา กะลาบาง ให้เปอร์เซ็นต์
➭ ผลยาวใหญ่ เนื้อหนา กะลาบาง ให้เปอร์เซ็นต์
➭ น้ำมันสูงมากกว่า 28%
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
โกลด์เด้นเทเนอร่าทำงานวิจัยเกี่ยวกับพันธุ์ปาล์มอย่างต่อเนื่อง
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
โกลด์เด้นเทเนอร่ามีห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
เพื่อเพิ่มผลผลิตและเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่อไร่ให้สูงขึ้น
และคงเอกลักษณ์ประจำสายพันธุ์คือ ทนแล้ง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและเติบโตของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันของไทย
ด้วยความเข้มงวดและเคร่งครัดตั้งแต่การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์
การผลิตเมล็ดพันธุ์ รวมถึงมีงานวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์ปาล์มน้ำมันให้มีคุณภาพ ปาล์มน้ำมันโกลด์เด้นเทเนอร่า จึงเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร
ผู้ปลูกปาล์มทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
จึงเป็นความภาคภูมิใจของโกลด์เด้นเทเนอร่าที่จะดำรงคุณค่า แห่งสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความมั่งคงทางอาหาร ด้านพลังงาน ความมั่นคงของเกษตรกรและเศรษฐกิจไทยต่อไป
จึงเป็นความภาคภูมิใจของโกลด์เด้นเทเนอร่าที่จะดำรงคุณค่า แห่งสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความมั่งคงทางอาหาร ด้านพลังงาน ความมั่นคงของเกษตรกรและเศรษฐกิจไทยต่อไป
โกลด์เด้นเทเนอร่ามีห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่อไร่ให้สูงขึ้น
“ปัจจุบัน
Market
share ของเมล็ดพันธุ์ของโกลด์เด้นเทเนอร่าอยู่ที่ 7-8 แสนต้น/ปี หรือ 10% ของเมล็ดที่ผลิตในประเทศและนำเข้ามาจากต่างประเทศ ในขณะที่พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทยเพิ่มจำนวนพื้นที่ปลูกประมาณ 3 แสนไร่/ปี มีต้องการกล้าพันธุ์ปีละกว่ากว่า
10 ล้านต้น”
ทั้งนี้วัตถุประสงค์หลักของ
บริษัท โกลด์เด้นเทเนอร่าไม่ได้มุ่งผลิตเมล็ดพันธุ์จำนวนมากเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดยเริ่มจากพัฒนาสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมโกลด์เด้นเทเนอร่าชุดใหม่ที่เรียกว่า
KB-Golden
Tenera ให้มีผลผลิต มากกว่า 5 ตัน/ไร่/ปี
เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตให้เกษตรกร และเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมันเฉลี่ยให้สูงขึ้นถึง 26-28%
ปัจจุบัน Oil to Bunch พันธุ์ปาล์มทั่วไปอยู่ที่ 800
กก./ไร่ แต่โกลด์เด้นเทเนอร่ารุ่นใหม่จะมีมากกว่า 1,500 กก./ไร่
“โกลด์เด้นเทเนอร่า ขอเป็น ต้นน้ำ ที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ขอพัฒนาเรื่อง พันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ดี เป้าหมาย เพิ่มผลผลิต/ตัน/ไร่ ให้กับเกษตรกร และ เพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมัน เพื่อให้มีปริมาณน้ำมันมากเพียงพอ ต่อการใช้ในประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทย” นายจักรพงศ์ ลิ่มศรีวิไล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลด์เด้นเทเนอร่า จำกัด
นายจักรพงศ์ ลิ่มศรีวิไล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลด์เด้นเทเนอร่า จำกัด
เป้าหมายต่อไปของโกลด์เด้นเทเนอร่า คือ
การพัฒนาสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมโกล์ดเด้นเทเนอร่าให้มีคาแรคเตอร์ทุกคนเห็นแล้วรู้ทันทีว่านี่คือโกลด์เด้นเทเนอร่า
โกลด์เด่นเทเนอร่า
KB รุ่นใหม่ เป็นปาล์มลูกผสมที่มีลักษณะผลกลมใหญ่และผลยาวใหญ่
ทั้งสองพันธุ์ให้ผลผลิตต่อตัน/ไร่/ปีใกล้เคียงกัน เมื่อตัดสุกจะมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงขึ้น
และมีคุณสมบัติในการทนแล้งเช่นเคย เพราะคุณสมบัติ “ทนแล้ง”
เป็นเอกลักษณ์ของโกลด์เด้นเทเนอร่าที่ต้องการคงไว้
“ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ เน้นเรื่องปาล์มลูกผสมทนแล้งมาตลอด จึงได้รับความไว้วางใจจากเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันทั่วประเทศ แม้แต่ทางภาคอีสานที่ขึ้นชื่อว่าแห้งแล้ง หากมีการบริหารจัดการโดยนำระบบน้ำมาใช้ก็สามารถให้ผลผลิตได้ดี แม้จะไม่เทียบเท่าภาคใต้ แต่เกษตรกรก็พึงพอใจในปริมาณและคุณภาพของผลผลิต เพราะเมื่อคำนวณรายได้ หักต้นทุน เปรียบเทียบกับการทำนาข้าวและมันสำปะหลัง ถือว่าปาล์มน้ำมันทำรายได้ดีกว่า ทำให้พื้นที่ภาคเหนือ กลาง และอีสาน มีพื้นที่ปลูกปาล์มมากขึ้นเรื่อยๆ”
“แม้ว่าทางบริษัทฯ
จะไม่สนับสนุนให้ปลูกหากไม่มีการทำระบบน้ำ แต่เกษตรกรยังมองว่าคุ้มกว่าการปลูกพืชแบบเดิมๆ
ดังนั้นหากต้องการปลูกในพื้นที่อื่นจริงๆ บริษัทโกลด์เด้นเทเนอร่าแนะนำให้ปลูกอยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติหรือแม่น้ำ
เป็นต้น”
ดร.เอนก แนะนำ“ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ เน้นเรื่องปาล์มลูกผสมทนแล้งมาตลอด จึงได้รับความไว้วางใจจากเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันทั่วประเทศ แม้แต่ทางภาคอีสานที่ขึ้นชื่อว่าแห้งแล้ง หากมีการบริหารจัดการโดยนำระบบน้ำมาใช้ก็สามารถให้ผลผลิตได้ดี แม้จะไม่เทียบเท่าภาคใต้ แต่เกษตรกรก็พึงพอใจในปริมาณและคุณภาพของผลผลิต เพราะเมื่อคำนวณรายได้ หักต้นทุน เปรียบเทียบกับการทำนาข้าวและมันสำปะหลัง ถือว่าปาล์มน้ำมันทำรายได้ดีกว่า ทำให้พื้นที่ภาคเหนือ กลาง และอีสาน มีพื้นที่ปลูกปาล์มมากขึ้นเรื่อยๆ”
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
โกลด์เด้นเทเนอร่า ชูมาตรฐานต้นกล้าปาล์มน้ำมัน เข้มงวดคุณภาพ ก่อนถึงมือเกษตรกร
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ถ้าคิดจะปลูกปาล์มน้ำมัน
เกษตรกรต้องพิจารณา สายพันธุ์ปาล์มที่เป็นลูกผสมเทเนอร่า
โดยเลือกพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพพื้นที่และให้ผลผลิตสูง
ทั้งในแง่น้ำหนักและปริมาณน้ำมัน แต่สายพันธุ์ที่ว่าสำคัญแล้ว
แหล่งที่มาของต้นกล้าพันธุ์ยังมีความสำคัญพอๆ
กัน
เพราะถึงแม้จะเป็นปาล์มสายพันธุ์ดีเยี่ยมแค่ไหน
แต่ถ้ากระบวนการผลิตกล้าที่ไม่ได้มาตรฐานตามกรมวิชาการเกษตรกรกำหนด
ก็มีความเสี่ยงสูงไม่ต่างจากการปลูก “ปาล์มพันธุ์ปลอม”
บริษัท โกลด์เด้น ออยล์ปาล์ม จำกัด ผู้ผลิตกล้าปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ “โกลด์เด้นเทเนอร่า”
สายพันธุ์ไทยที่ให้ผลผลิตสูง จึงใส่ใจกระบวนการผลิตกล้าปาล์มน้ำมันอย่าง “เข้มงวด”
เรื่องมาตรฐานและ ใส่ใจ “คุณภาพ” เพื่อให้เกษตรกรได้ต้นกล้าปาล์มน้ำมันดี
มีคุณภาพและให้ผลผลิตสูงไปปลูก
กระบวนการผลิตจึงยึดหลักวิชาการ
และดูแลอย่างพิถีพิถันตลอดระยะเวลา 8 เดือน โดยนักวิชาการของบริษัทฯ
ก่อนส่งมอบให้กับผู้ปลูก มีการคัดเลือกต้นกล้าอีกครั้ง
เพื่อให้มั่นใจว่าทุกต้นที่เกษตรกรได้รับไปปลูกนั้นจะเป็นต้นกล้าที่สมบูรณ์คุ้มค่ากับการลงทุน
ประวัติและผลงานตลอด 40 ปี บนเส้นทางปาล์มน้ำมันของ ดร.เอนก ลิ่มศรีวิไล
ขอขอบคุณ
ดร.เอนก ลิ่มศรีวิไล
นายจักรพงศ์ ลิ่มศรีวิไล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น