หมอนยางพารา 100% เป็นสินค้ายอดฮิตของไทย ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมซื้อกลับไปเป็นของฝาก
และใช้เอง เนื่องจากเป็นหมอนเพื่อสุขภาพ และราคาถูกกว่าในประเทศจีน
โดยหลายปีที่ผ่านมาหมอนยางพาราจากประเทศไทยได้รับความนิยมสูงมาก
โดยเฉพาะเมื่อติดตรา Made In Thailand จะได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือว่าผลิตจากยางพาราแท้
100%
ตลาดหมอนและเครื่องนอนที่ผลิตจากยางพารา
จึงเติบโตอย่างสุดขีด โดยมีตลาดใหญ่มหาศาลคือ จีน คาดการณ์ว่าน่าจะมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านหยวน หรือคิดเป็น 50,000 ล้านบาท
อุตสาหกรรมหมอนยางพาราในประเทศไทยจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งเอกชนรายเดิมขยายการผลิต เอกชนรายใหม่ทุ่มเงินลงทุน หรือแม้กระทั่งกลุ่มเกษตรกรก็ยังผลิตหมอนยางพาราจากการลงทุนโรงงานผลิตเล็กๆ รวมไปถึงนักลงทุนจากเมืองจีน
เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อติดตรา Made In Thailand
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
HIGHTLIGHT : 3 ผู้ผลิตหมอนยางพาราไทย
รุกตลาดจีน มูลค่าตลาด 50,000 ล้านบาท/ปี
🔴 ปาเท็กซ์ ผู้บุกเบิกหมอนยางพาราไทยรายแรก
รุกตลาดจีน 3 ปี ครองสัดส่วนส่งออกของบริษัท 70% มูลค่าประมาณ 750 – 800 ล้านบาท
🔴 ลักษ์ชัวร์รี จับมือ จีน ส่งหมอนยางพาราไทย
20 ล้านใบ ใน 2 ปี ตั้งเป้าทำเงิน 5,000 ล้านบาทใน 3 ปี
🔴 บริษัท
เนเชอรัล เลเท็กซ์ ฯ ผลิตหมอนยางพารา 10,000 ใบ/เดือน ตีตลาดจีน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ตลาดจีนโตก้าวกระโดด ปาเท็กซ์ ผู้ผลิตหมอนยางพารารายแรก โต 20%
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ถ้าพูดถึงหมอนยางพารา คนในอุตสาหกรรมนี้จะนึกถึง
บริษัท ปัตตานีอุตสาหกรรม (1971) จำกัด ผู้ผลิตหมอนและที่นอนยางพารารายแรกของไทย เริ่มต้นตั้งโรงงานตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2514 หรือเมื่อ 46 ปีที่แล้ว ในชื่อแบรนด์ “ปาเท็กซ์” (PATEX) อาศัยจุดแข็งที่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยียางและโพลิเมอร์
และตั้งอยู่ในแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โรงงานผลิตหมอนของ ปัตตานีอุตสาหกรรม
จะรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และใกล้เคียง
นำมาแปรรูปเป็นน้ำยางข้น 60% จากนั้นนำไปผลิตเป็นฟองน้ำยางพารา
และขึ้นรูป เป็นผลิตภัณฑ์ เช่น หมอน ที่นอน และท็อปเปอร์ยางพารา ขายในประเทศ
ช่วงแรกเน้นทำการตลาดในต่างจังหวัดแบบ ป่าล้อมเมือง ปัจจุบันมีจำหน่ายเกือบทุกจังหวัดผ่านร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านโมเดิร์นเทรด ในกลุ่มของเซ็นทรัล และกลุ่มโฮมเวิร์ค จากนั้นส่งออกไปต่างประเทศ ในประเทศแถบยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียในกลุ่มของ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา
ช่วงแรกเน้นทำการตลาดในต่างจังหวัดแบบ ป่าล้อมเมือง ปัจจุบันมีจำหน่ายเกือบทุกจังหวัดผ่านร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านโมเดิร์นเทรด ในกลุ่มของเซ็นทรัล และกลุ่มโฮมเวิร์ค จากนั้นส่งออกไปต่างประเทศ ในประเทศแถบยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียในกลุ่มของ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา
จุดเด่นหมอนยางพารา 100% เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง
สามารถรองรับสรีระและน้ำหนักได้ดี จึงได้รับความนิยมสูงมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในต่างประเทศที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ และ “ปาเท็กซ์”
ที่ผลิตจากประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางพาราใหญ่ที่สุดของโลก จึงได้รับความนิยม
นายณัฐพัฒน์ นิธิอุทัย
กรรมการผู้จัดการ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันตลาดต่างประเทศมี จีน เป็นตลาดหลัก
เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่และมีความต้องการใช้สินค้าเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะหมอนยางพารา
มีสัดส่วนการส่งออก 80% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วน 60%
ทั้งๆ ที่เป็นตลาดใหม่เริ่มทำตลาดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
“การขยายไปสู่ตลาดประเทศจีนในปี 2558 ทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20% โดยมียอดขายรวมทั้งกลุ่มที่ 1,200 ล้านบาท เป็นยอดขายจากการส่งออก 70% และยอดขายในประเทศ 30% ส่วนในปี 2559 มียอดขายทั้งกลุ่มที่ 1,350 ล้านบาทเติบโตเพิ่ม 10-15% โดยมียอดขายจากการส่งออกเพิ่มเป็น 80% ของรายได้รวม ซึ่งในยอดขายจากการส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น กลุ่มลูกค้าหลักคือ ประเทศจีน มีโดยมีสัดส่วนที่ 70% ของการส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 750 – 800 ล้านบาท”
สำหรับในปี 2560 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตอย่างน้อยที่ 10-15% หรือมีรายได้รวมประมาณ 1,450 ล้านบาท ในประเทศจีน
“การขยายไปสู่ตลาดประเทศจีนในปี 2558 ทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20% โดยมียอดขายรวมทั้งกลุ่มที่ 1,200 ล้านบาท เป็นยอดขายจากการส่งออก 70% และยอดขายในประเทศ 30% ส่วนในปี 2559 มียอดขายทั้งกลุ่มที่ 1,350 ล้านบาทเติบโตเพิ่ม 10-15% โดยมียอดขายจากการส่งออกเพิ่มเป็น 80% ของรายได้รวม ซึ่งในยอดขายจากการส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น กลุ่มลูกค้าหลักคือ ประเทศจีน มีโดยมีสัดส่วนที่ 70% ของการส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าประมาณ 750 – 800 ล้านบาท”
สำหรับในปี 2560 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตอย่างน้อยที่ 10-15% หรือมีรายได้รวมประมาณ 1,450 ล้านบาท ในประเทศจีน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ลักษ์ชัวร์รี ตั้งเป้าทำเงินจากหมอนยางพารา 5,000 ล้านบาทใน 3 ปี
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
บริษัท ดีลักษ์ โฮเทล ซัพพลาย จำกัด เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตหมอนยางพารา แบรนด์
“ลักษ์ชัวร์รี” เริ่มขยายตลาดไปประเทศจีน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง
มีทั้งความต้องการและปริมาณ และหมอนยางพาราจากประเทศไทยได้รับความนิยมสูงอยู่แล้ว
บริษัท ดีลักษ์ โฮเทล ซัพพลาย ทำตลาดโดยจับมือกับบริษัท ไท้ ไฮ
เจียง (ไชน่า) จำกัด ของจีน ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดเครื่องนอนแบรนด์ “หย่าเซน”
(Yaxuan) ให้เป็นผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายหมอนแบรนด์ ลักษ์ชัวร์รี ในประเทศจีน
นายคมศานต์ จิวากานนท์ กรรมการผู้จัดการ เผยว่า สินค้าที่จะนำไปทำตลาด
มีหมอนยางพารา เป็นสินค้าหลัก ตามมาด้วย ที่นอน และชุดเครื่องนอนสำหรับเด็ก โดยคาดว่าตลาดเครื่องนอนในจีน
มีมูลค่าสูงถึง 100,000
ล้านหยวน หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท เป็นตลาดที่ใหญ่มาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่จีนชื่นชอบ
ทำให้มีความต้องการสูง แต่ยังไม่มีสินค้าในตลาด
ขณะเดียวกันจีนมีนโยบายในการเพิ่มจำนวนประชากรซึ่งแต่ละครอบครัวสามารถมีบุตรได้
2 คน
เราจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาด ที่จะขยายสินค้าไปสู่ชุดเครื่องนอนเด็ก โดยหวังว่าจะครองยอดขายอันดับต้นๆ
ในจีนได้ โดยตั้งเป้ายอดขายในเบื้องต้นในช่วง 2 ปี ไว้ 10
ล้านใบ และภายใน 3 ปี จะมีรายได้ 5,000
ล้านบาท
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
บริษัท เนเชอรัล เลเท็กซ์ ฯ ผลิตหมอนยางพารา 10,000 ใบ/เดือน ตีตลาดจีน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
บริษัท เนเชอรัล เลเท็กซ์ แมทเทรส อินดัสตรี (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตหมอนยางพารา ใน จ.ปทุมธานี กำลังการผลิต 10,000 ใบ/เดือน โดยซื้อน้ำยางข้น
60% เป็นวัตถุดิบหลัก 2.5 ตัน/วัน ภายใต้แบรนด์ “ลาเท็กซ์
พิลโล่ว์” (LATEX PILLOW) ลักษณะเด่นของหมอนและที่นอนจากยางพารา คือกันไรฝุ่นลดการปวดกล้ามเนื้อ แม้หมอนจะอยู่ที่รา 1,290 บาท ส่วนที่นอนเริ่มตั้งแต่ 20,000-70,000 บาท แต่ก็มีลูกค้าที่พร้อมจะจ่ายเพื่อความใส่ใจสุขภาพที่มากขึ้น
- Advertisement -
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น