ปาล์มน้ำมัน

[ปาล์มน้ำมัน][bsummary]

ยางพารา

[ยางพารา][bsummary]

เทคนิคจากสวน

[เทคนิคจากสวน][twocolumns]

NEWS

[News][bleft]

Wood Pellet ไม้ยาง 1 ล้านตัน/ปี ป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล : ญี่ปุ่น – ไทย ลงทุนระยะยาว

“ไม้ยาง” 14 - 19 ล้านตัน/ปีของไทย อนาคตสดใสผลิต “ชีวมวลอัดเม็ด” หรือ Wood Pellet ป้อนโรงงานไฟฟ้าชีวมวลของญี่ปุ่น หลังจากญี่ปุ่นเจอวิกฤติพลังงาน “นิวเคลียร์” จึงหันมาใช้พลังงาน “ชีวมวล” ผลิตไฟฟ้ามากกว่า 5 GW โดยล่าสุดเอกชนญี่ปุ่น-ไทย ลงทุนโรงงานผลิต Wood Pellet ในภาคใต้  6 โรงงาน กำลังผลิตรวม 1 ล้านตัน/ปี

โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัท JC Service จำกัด ประเทศญี่ปุ่น หรือ กลุ่ม JCS ได้ลงนามร่วมลงทุน กับ บริษัท นัมเบอร์ไนน์ กรีนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อผลิต Wood Pellet ขนาด 700 ตัน/วัน  ใน จ.พังงา ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ล่าสุด กลุ่ม JC Service ได้ลงนามร่วมลงทุนกับบริษัทเพิ่มเติมอีก 3 บริษัท คือ 1. Number Nine Corporation Co.,Ltd. (จ.สุราษฎร์ธานี), 2. Energy Bright Co.,Ltd. (จ.ชลบุรี) และ 3. NK Discovery Co.,Ltd. (จ.กระบี่) รวมกำลังผลิต 3 โรงงาน 1 ล้านตัน/ปี
- Advertisement - 

ญี่ปุ่นมีเป้าหมายการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลมากกว่า 5 GW โดยกลุ่ม JCS ได้รับใบอนุญาตให้ผลิตไฟฟ้าขนาด 50 MW จำนวน 20 โรงงาน กำหนดเริ่มเดินเครื่อง  ปี ค.ศ. 2019 จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างโรงงานผลิต Wood Pellet จำนวน 20 โรงงาน กำลังผลิตประมาณโรงงงานละ 250,000 ตัน/ปี โดยจะพิจารณาจากศักยภาพของวัตถุดิบที่ยั่งยืนตลอดอายุ 20 ปี เป็นสำคัญ 
ในเบื้องต้นกลุ่ม JCS ตัดสินใจร่วมลงทุนสร้างโรงงานผลิต Wood Pellet ในประเทศไทยจำนวน 6 โรงงาน กำลังผลิตรวม 1 ล้านตัน/ปี โดยมองศักยภาพของไม้ยางพาราในภาคใต้ที่มีอัตราการโค่น 4-5 แสนไร่/ปี มีปริมาณเนื้อไม้ 14-19 ล้านตัน/ปี และมีระบบการขนส่งทางเรือสะดวก

แต่เนื่องจากยางพารามีรอบโค่น 25 ปี ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงด้านวัตถุดิบในระยะยาว จึงมีการลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เพื่อสร้างนวัตกรรมด้านการจัดการวัตถุดิบ รวมถึงการวิจัย พัฒนาทั้งด้านการปรับปรุงพันธุ์ การหารูปแบบการส่งเสริมการปลูกไม้โตเร็วในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การปลูกร่วมกับสวนยางพาราที่มีอายุ 1- 5 ปี รวมถึงการปลูกเป็นสวนป่าเป็นต้น รวมไปถึงการดำเนินการพัฒนาระบบการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนตามแนวทางมาตรฐานระดับสากล
โรงไฟฟ้าชีวมวลสามารถแก้ปัญหาพลังงานในญี่ปุ่นและเป็นพลังงานทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับพลังงานด้านอื่น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกต้นไม้และมีการใช้ประโยชน์จากไม้ที่คุ้มค่าที่สุด ภายใต้ระบบการจัดการที่ยั่งยืนตามมาตรฐานนานาชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ภายใต้ระบบการจัดการที่ยั่งยืน ตามแนวทางมาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council) ตลอดอายุสัญญา 20 ปี ซึ่งประเทศญี่ปุ่นต้องการสร้างความเชื่อมั่นที่จะให้มีวัตถุดิบไม้ป้อนโรงไฟฟ้าที่มั่นคง

โครงการดังกล่าวนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกร โดยเฉพาะชาวสวนยางพารา ซึ่งจะทำให้ไม้ยางพารา มีราคาสูงขึ้น ที่สำคัญสามารถขายได้ทุกส่วน จนถึงตอราก นอกจากนี้ การเข้าสู่ระบบการรับรอง FSC ก็จะทำให้น้ำยาง ได้รับการรับรอง FSC ไปด้วย
 ข้อมูลจาก : http://t-cern.org

advertivsing

ไม่มีความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม