แมกนีเซียม เป็นธาตุอาหารหลักที่สำคัญของปาล์มน้ำมัน
เป็นองค์ประกอบของโมเลกุลคลอโรฟิลล์ ที่ทำให้พืชสามารถใช้พลังงานแสงสร้างคาร์โบไฮเดรทเพื่อการเจริญเติบโต
ซึ่งปริมาณแมกนีเซียมในคลอโรฟิลล์มี 15-20%
นอกจากนั้นแมกนีเซียมยังช่วยเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์ในพืช
โดยเฉพาะพลังงานในกระบวนการสร้างเมตาโบลิซึมต่างๆ ของพืช และยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการการสร้างแป้ง
โปรตีนและกรดไขมัน จึงมีความสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นและลดลงของผลผลิตปาล์ม
ถ้าต้นปาล์มได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอจะทำให้สร้างน้ำมันน้อยลง
ผลผลิตน้ำมันในผลปาล์มลดลง ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนที่ต้นปาล์มจะแสดงอาการขาดแมกนีเซียมให้เห็นที่ใบเป็นระยะเวลานาน
อาการขาดแมกนีเซียม
ใบย่อยด้านบนของทางใบ ที่ได้รับแสงจะมีสีเหลืองอมส้ม ในขณะที่ใบย่อยด้านล่างจะมีสีเขียว
|
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ความต้องการของแมกนีเซียมของปาล์มน้ำมัน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
อาการขาดแมกนีเซียมปาล์มน้ำมัน ใบย่อยด้านบนของทางใบ
ซึ่งได้รับแสงมากจะมีสีเหลืองอมส้ม ในขณะที่ใบย่อยซึ่งอยู่ ด้านล่างยังคงมีสีเขียว
แต่การดูลักษณะต้นปาล์มแสดงออกว่าขาดแมกนีเซียมนั้น ไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการบอกปริมาณปุ๋ยแมกนีเซียมที่ต้นปาล์มต้องการได้ เมื่อปาล์มแสดงอาการขาดแมกนีเซียมให้เห็นแสดงว่าได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอมาเป็นเวลานานแล้ว และผลผลิตได้ลดลงแล้วเช่นกัน
การป้องกันมิให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
ทำได้โดยเก็บใบปาล์มมาวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้ในการจัดการควบคุมระดับธาตุอาหารได้อย่างเหมาะสม
ระดับแมกนีเซียมในใบปาล์มที่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของปาล์มมีค่าอยู่ระหว่าง 0.3-0.4% ปาล์มจะแสดงอาการขาดแมกนีเซียมเมื่อปริมาณแมกนีเซียมในทางใบที่
17 ต่ำกว่า 0.2%
อย่างไรก็ตามนักวิชาการในสวนปาล์มจำเป็นต้องเลือกเก็บทางใบที่ 17 ให้ถูกต้อง การเก็บตัวอย่างใบผิดพลาดจะมีผลทำให้ค่าวิเคราะห์ที่ได้ไม่สามารถจะนำมาใช้ประโยชน์ในการแนะนำการใช้ปุ๋ย
ทั้งนี้เพราะค่าวิเคราะห์ทางเคมีในทางใบที่ 17 (สำหรับปาล์มมีอายุเกิน
3 ปี) เท่านั้น ที่มีความสัมพันธ์กับผลผลิตปาล์ม
จากการศึกษาปริมาณความต้องการแมกนีเซียมในปาล์มน้ำมัน อายุระหว่าง 1-10 ปี (หลังปลูก) พบว่าปาล์มเมื่อมีอายุ
1-4 ปี จะมีความต้องการแมกนีเซียมน้อยกว่าเมื่อมีอายุมากขึ้น ปาล์มอายุ
5-10 ปี ต้องการแมกนีเซียมในระดับ 8-9.6 กก./ไร่ (หรือประมาณ 400-480 กรัม/ต้น/ปี) และจะต้องการในปริมาณนี้อย่างสม่ำเสมอ
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
การใส่แมกนีเซียม
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ในประเทศไทยพบว่าดินขาดธาตุแมกนีเซียมอย่างรุนแรง (0.08-0.8 มิลลิกรัม/100 กรัม ดินในรูปที่แลกเปลี่ยนได้) ชุดดินที่พบว่าขาดแมกนีเซียม
ได้แก่ ดินชุดสงขลา ชุดภูเก็ต และชุดคอหงส์ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ดินเหล่านี้ขาดธาตุไนโตรเจน
ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่ทำสวนและมีการใส่ปุ๋ยดังกล่าวในระดับสูงเพื่อเพิ่มผลผลิต
จะมีผลทำให้พืชมีความต้องการพวกธาตุอาหารรอง ได้แก่ แมกนีเซียมและกำมะถันเพิ่มขึ้น
พืชดึงดูดแมกนีเซียมจากดินได้ดีเมื่อแมกนีเซียมที่ใส่ลงไปในดินอยู่ในรูปของอิออน (Mg2+) ที่ละลายน้ำได้และอยู่ในสารละลายของดิน
อย่างไรก็ตามพืชจะใช้แมกนีเซียมได้ดีมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้
1. ความเป็นกรดของดิน
: ดินกรดทำให้พืชใช้แมกนีเซียมได้น้อยลง
2. ความชื้นของดิน
: ถ้าดินมีความชื้นต่ำ ความเป็นประโยชน์ของแมกนีเซียมในดินจะลดลง ด้วยเหตุนี้จึงมักจะพบอยู่เสมอว่าพืชจะแสดงอาการขาดแมกนีเซียมในฤดูแล้งหรือฝนทิ้งช่วง
การขาดจะรุนแรงมากขึ้นถ้าพืชได้รับโปแตสเซียมไม่เพียงพอ
ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นจะต้องมีการใส่แมกนีเซียมในช่วงเวลาที่เหมาะสม
กล่าวคือช่วงก่อนฤดูฝน ในทางปฏิบัติปุ๋ยที่ให้แมกนีเซียมที่สำคัญ มี 2 ชนิดคือ
✅แมกนีเซียมที่อยู่ในรูปซัลเฟต
คีเซอร์ไรท์ ( MgSO4 H2O ) ให้แมกนีเซียม 27% และให้กำมะถัน 23 เปอร์เซ็นต์
✅แมกนีเซียมที่อยู่ในรูปคาร์บอเนต
ซึ่งเป็นปูน ได้แก่ โดโลไมท์ (
MgCO3+CaCO3 ) ให้แมกนีเซียม 2-20% และให้แคลเซียม
30-47%
ดินภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นดินกรด มีปริมาณแมกนีเซียมในดินต่ำ ปาล์มที่ปลูกในภาคใต้ส่วนใหญ่แสดงอาการขาดแมกนีเซียม ดังนั้นจึงควรมีการให้แมกนีเซียมโดยใช้คีเซอร์ไรท์หรือใช้ปูนโดโลไมท์ ซึ่งจะใช้ชนิดใดนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของดินและความเหมาะสม
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
แนวทางการแก้ไขต้นปาล์มขาดแมกนีเซียมเบื้องต้น
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ใช้คีเซอร์ไรท์ อัตรา 1.5 - 2.0 กิโลกรัม/ต้น/ปี
ในดินที่เป็นกรด อาจใช้โดโลไมท์
อัตรา 2.0 กิโลกรัม/ต้น/ปี ได้ แต่จะให้ผลช้ากว่าการใช้คีเซอร์ไรท์
ในบางสภาพของสวนปาล์ม อาทิ สวนปาล์มที่ปลูกในดินกรด
ควรจะมีการใส่แมกนีเซียมในทั้ง 2
รูปสลับกันไป เพราะแมกนีเซียมในรูปคาร์บอเนตจะช่วยลดความเป็นกรดของดินลงได้ด้วย
จะช่วยทำให้ธาตุอาหารพืชตัวอื่นที่มีอยู่ในดินละลายออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชได้มากขึ้น
อาทิ ธาตุฟอสฟอรัส เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การที่จะใช้ปุ๋ยในรูปใดนั้นอาจจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นที่มีส่วนทำให้พืชเกิดการขาดแมกนีเซียมด้วย
การเลือกใช้ชนิดของแมกนีเซียมที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สวนปาล์มที่ให้ผลผลิตสูงจำเป็นต้องมีการให้แมกนีเซียมสม่ำเสมอ
เพื่อให้พืชได้รับแมกนีเซียมในระดับที่เพียงพอ และเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้เพื่อให้พืชได้แสดงศักยภาพทางพันธุกรรมได้อย่างเต็มที่
ในสภาพที่พืชแสดงลักษณะอาการขาดแมกนีเซียมในช่วงระยะแรกของการเจริญเติบโต อาจจะมีผลทำให้พืชสร้างผลผลิตได้น้อยลงเมื่อปาล์มมีอายุมากขึ้น
และเพื่อให้ปาล์มได้สามารถใช้แมกนีเซียมได้รวดเร็วและแก้ไขการขาดแมกนีเซียม
นักวิชาการแนะนำให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยคีเซอร์ไรท์
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. ปาล์มเป็นพืชที่ต้องการแมกนีเซียมเป็นปริมาณมาก
และต้องการสม่ำเสมอ
2. ปุ๋ยคีเซอร์ไรท์สามารถให้แมกนีเซียมได้รวดเร็วแก่พืช
3. ป้องกันรากพืชให้พ้นจากความเป็นพิษของอลูมิเนียม
ในสภาพดินที่เป็นกรดได้ดี
4. ช่วยทำให้รากเจริญเติบโตไปสู่ดินชั้นล่างได้ดีมากขึ้น
ทำให้พืชทนแล้งได้ดีขึ้น
5. คีเซอร์ไรท์ละลายได้ง่าย
ใช้สะดวกไม่ต้องมีการพรวนดินหลังใส่ เพียงแต่หว่านใส่บนหน้าดิน
6. ไม่ทำให้ความเป็นกรดเป็นด่างของดินเปลี่ยนแปลงไป
ฉะนั้นจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการให้ธาตุอาหารพืชอื่น
อย่างไรก็ตามการใช้ปุ๋ยที่ให้แมกนีเซียมจะมีประสิทธิภาพเพื่อให้เพิ่มผลผลิต
จำเป็นจะต้องแน่ใจว่าพืชได้รับธาตุอาหารอื่นๆ เพียงพอ ธาตุอาหารเหล่านี้ได้แก่ ไนโตรเจน
ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม และโบรอน ซึ่งพบอยู่เสมอว่าไม่เพียงพอในดินปลูกปาล์มภาคใต้
หมายเหตุ : โดโลไมด์จะต่างกับปูนขาว เพราะในปูนขาวไม่มีธาตุแมกนีเซียม แต่ในโดโลไมท์ มีธาตุแมกนีเซียม ดังนั้นการใส่โดโลไมท์จึงดีกว่าการใส่ปูนขาว แต่ในพื้นที่ดินเป็นกรดจัด ควรจะใช้ปูนขาวหากต้องการปรับความเป็นกรดให้น้อยลง
ข้อมูลจาก
>>> บทบาทของธาตุแมกนีเซียมในการเพิ่มผลผลิตปาล์มน้ามัน
โดย ธีระพงศ์ จันทรนิยม
>>> คู่มือเกษตรกร การผลิตปาล์มน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ ธีระพงศ์ จันทรนิยม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น