จากพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
9 เรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียงนั้นเป็นเสมือนหนึ่งรากฐานของชีวิต และเป็นรากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน
เปรียบเสมือนเสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม
แต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็มและลืมเสาเข้มเสียด้วยซ้ำไป”
เศรษฐกิจพอเพียงคือการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาทโดยคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล
การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้
ความรอบคอบและคุณธรรมประกอบการวางแผนการตัดสินใจและการกระทำ
หากอีก 20 ปีข้างหน้า เกษตรกรชาวสวนยางในระดับต้นน้ำยังคงต้องย่ำแย่อยู่ที่เดิมเพราะไม่ได้ถูกรับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เกษตรกรชาวสวนยางก็จะยากจนย้อนรอยเหมือน
100 ปี ที่ผ่านมา และจะสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ที่ต้องลงมาแก้ไขปัญหาไม่รู้จักจบสิ้น
ประเทศไทยโชคดีที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9
ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด
แต่ที่ผ่านมารัฐบาลได้แต่พูดเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” แต่ยังไม่ได้น้อมน้ำแนวทางพระราชดำรัสนำไปใช้แก้ไขปัญหาอย่างจริงจังให้เกิดเป็นรูปธรรมในวงกว้าง
ในฐานะที่ผมต้องดูแลเกษตรกรชาวสวนยางซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยจำนวนมาก 70% ของประเทศให้มีแนวทางเพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางที่อยู่ต้นน้ำจะต้องอยู่ดี กินดี
พอมี พอใช้ ในครอบครัวควร เริ่มต้นจากตัวเกษตรกรจะต้องพึ่งพาตนเองได้โดยน้อมนำศาสตร์พระราชา
“เศรษฐกิจพอเพียง” มาใช้เป็นหลักปรัชญาแนวทางในการดำเนินชีวิต
โดยต้องเริ่มต้นให้มีการจัดสรรแบ่งโซนพื้นที่ที่มีอยู่ในครอบครัวอย่างถูกต้อง
เช่น หากเกษตรกรมีพื้นที่ที่เป็นสวนยาง 15
ไร่ที่ขอโค่นตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 49(2) จำนวนไม่เกินร้อยละสี่สิบ เป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุน
และให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อการปลูกแทน เกษตรกรควรที่จะขุดสระโดยใช้พื้นที่ 1 ไร่เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ โดยใช้น้ำยางเคลือบสระเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้รั่วซึมเร็ว
ในพื้นที่ทั้ง 14 ไร่นั้นควรทำระบบน้ำหยดใช้จะช่วยให้ยางที่ปลูกในพื้นที่
14 ไร่นั้นโตเร็วสามารถกรีดได้ภายใน 5 ปี หากมีการส่งเสริมให้เกษตรกรดำเนินการดังกล่าวข้างต้นมีการขอสวนสงเคราะห์ 170,000 ครอบครัว จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับเกษตรกร รวมทั้งจะมีน้ำไว้ใช้ประกอบอาชีพทางการเกษตรใน 20 ข้างหน้า สามารถมีรายได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี มีวิถีชีวิต
และความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น
รวมทั้งบุตรหลานเกษตรกรชาวสวนยางที่จบปริญญา ปวส.
ปวช. ฯลฯ
ที่ว่างงานนั้นควรสนับสนุนทำอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง เพื่อเพิ่มมูลค่ายาง คาดว่าอีก
20 ปีข้างหน้า บุคคลเหล่านี้จะมีความรู้ ความสามารถ เกิดทักษะที่เชี่ยวชาญในการทำผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มมากขึ้นสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่เรียกว่า
Thailand 4.0 ประเทศชาติก็จะมีรายได้เข้าสู่ประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล
หากร่วมด้วยช่วยสนับสนุนตามแนวทางดังกล่าว คาดว่าจะช่วยแก้ปัญหายางพาราและในอนาคตยางพาราไทยอีก
20
ปี ข้างหน้าการทำผลิตภัณฑ์ยางก็จะกลายเป็นอาชีพหลัก ช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางและประเทศชาติเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง
และยั่งยืน ต่อไปในอนาคต
เรื่องโดย อุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย
Advertising
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น