ปาล์มน้ำมันต้องการน้ำมากถึงวันละ 200 ลิตร/ต้น/วัน
หากจะนำมาปลูกให้ได้ใน “แผ่นดินอีสาน” ที่มีฤดูแล้งรุนแรง ขาดทั้งน้ำจากฟ้า
และน้ำบนดิน มีอยู่ทางเดียว คือ ต้อง “โกงธรรมชาติ”
แบบเดียวกับ พิชิตชัย บุญเมืองขวา
เกษตรกรใน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
ซึ่งชื่ออำเภอนั้นขัดแย้งกับอากาศหน้าแล้งอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าเขาจะปลูกพืชหลายชนิด เช่น อ้อย และยางพารา แต่ปาล์มน้ำมัน เป็นอีกตัวหนึ่งที่เขาให้ความสนใจ
แม่เหล็กดึงดูดก็คือ “ราคา” ในช่วงนั้น
แม้จะรู้ดีว่าสภาพพื้นที่ปลูกปาล์มไม่ได้ เพราะมันต้องการน้ำ
โดยเฉพาะหน้าแล้ง ที่แห้งและร้อนค่อนข้างรุนแรง (ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,129 มม. [2558]) แต่เขาก็ยังตัดสินใจปลูก
ทั้งๆ ที่เคยเห็นภาพ “จุดจบ” ของเกษตรกรที่ฝ่าฝืน “กฎธรรมชาติ”
นั่นเพราะเขาได้วางแผน “โกงธรรมชาติ”
ไว้หมดแล้ว
พิชิตชัย บุญเมืองขวา เกษตรกรใน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
สวนปาล์มพันธุ์โกลด์เด้นเทเนอร่า อายุ 3 ปี 8 เดือน ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
น้ำบาดาลถูกสูบขึ้นมาเก็บไว้ในบ่อ สำหรับปาล์มช่วงหน้าแล้ง ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
แม้ผู้ผลิตปาล์มพันธุ์โกลด์เด้นเทเนอร่าจะระบุว่าทนแล้งได้นาน
3 เดือน แต่เมื่อภาคอีสานอากาศแล้งนานกว่านั้น ประกอบกับช่วงปาล์มเล็กถ้าไม่มีน้ำช่วยประคองชีวิต
ต่อให้เป็น “พันธุ์เทวดา” ก็เอาไม่อยู่ เขาเลยวางแผน “ขุดน้ำใต้ดิน”
ขึ้นมาเลี้ยงสวนปาล์ม
โดยเจาะน้ำบาดาลแล้วสูบมาเก็บไว้ในบ่อ
พร้อมวางระบบน้ำแบบหัวฉีด 180 องศา ไว้ต้นละ 2 หัว ทั่วทั้งสวน ลงทุนไป
30,000 กว่าบาท
ผมปลูกหน้าฝน ก็มีฝนตกดี แต่พอเข้าหน้าแล้งใบปาล์มนี่เหลืองไปหมดเลย แต่โชคดีที่มีน้ำช่วย และให้ปุ๋ยเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ปาล์มฟื้นขึ้นมาได้
ช่วงหน้าแล้งออกสตาร์ทตั้งแต่เดือน
ธันวาคม ยาวไปถึง มีนาคม หรือ เมษายน กินเวลา 4-5 เดือน ช่วงนี้น้ำมีค่ามากที่สุด
เขายอมรับว่าถ้าไม่มีน้ำให้หน้าแล้ง ต้นปาล์มคงไม่เหลือรอด
และให้ผลผลิตสมบูรณ์อย่างทุกวันนี้
พออายุ 2 ปี ก็เริ่มออกลูกมาแล้ว แต่ยังไม่ออกทุกต้น แต่พอ 2 ปีครึ่ง ออกลูกมาทุกต้นเลย จนวันนี้อายุ 3 ปี 8 เดือน ยังไม่เคยขาดคอเลย ตัดไปได้ 30 เกือบๆ 40 ตันได้พิชิตชัย เล่า
ระบบน้ำแบบหัวฉีด 180 องศา ต้นละ 2 หัว ครั้งละ 30-40 ลิตร ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
ทางใบปาล์มนอกจากช่วงปรุงอาหารแล้วยังช่วยคลุมโคนต้น ลดการระเหยของน้ำและความชื้น ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
เขาจะให้น้ำ 3-4 วัน/ครั้ง
ประมาณต้นละ 30-40 ลิตร/ต้น แม้จะไม่เพียงพอกับความต้องการของปาล์ม
แต่อย่างน้อยก็ช่วยประคองต้นให้ผ่านหน้าแล้งไปได้ โดยเฉพาะแล้งนี้ที่ต้นปาล์มมีทะลายอยู่เต็มทุกต้น
และออกสม่ำเสมอ ถ้าไม่มีน้ำให้จะเกิดความเสียหายได้
ผมสังเกตว่าลูกมันจะออกมาช่วงหน้าแล้งนี่แหละ หน้าฝนไม่ค่อยออกเท่าไหร่ สวนปาล์มที่อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่มีน้ำให้ทะลายมันแห้งไปเลย น้ำนี่อันดับหนึ่งเลย
ผลผลิตรวมตลอด 1 ปีที่ได้ 30-40 ตัน
หรือเฉลี่ย 1.1 - 1.5 ตัน/ไร่/ปี กับปาล์มอายุ 3-4 ปี ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
และเป็นที่น่าพอใจของพิชิตชัย
น้ำ และ ปุ๋ย พิชิตชัยใช้ยึดเป็น กระดูกสันหลัง ของการปลูกปาล์ม ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
แต่ประโยชน์ที่ได้จากการกอบโกยความรู้จากอินเตอร์เน็ตคือ
รู้จักนิสัย หรือความต้องการของปาล์มน้ำมันมากขึ้น โดยยึดเอา น้ำ และปุ๋ย เป็น “กระดูกสันหลัง”
สำหรับจัดการสวนปาล์ม
โดยปุ๋ยที่เขาให้ในสวนปาล์มแบ่งเป็นอายุปาล์มต่ำกว่า
2 ปี ใช้สูตร 20-10-12 หลังจากนั้นปาล์มจะออกทะลายเขาก็เปลี่ยนมาใช้ “แม่ปุ๋ย”
แทนปุ๋ยสูตรสำเร็จ แยกเป็น 21-0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 อัตราส่วน 2 : 1 : 2 ใส่ปีละ 3 ครั้ง
ช่วงต้นฝน กลางฝน และปลายฝน เฉลี่ยต้นละ 3-4 กก./ต้น/ปี เพิ่ม แมกนีเซียม
โบรอนปีละครั้ง ก่อนจะเสริมด้วยปุ๋ยขี้วัวช่วงหน้าแล้ง และปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
ที่ลงมือหมักเองเดือนละครั้ง
แน่นอนว่าปริมาณปุ๋ยที่เขาใส่อาจจะไม่เพียงพอกับอายุและผลผลิตปาล์ม
แต่ด้วยปัจจัยด้านราคาผลผลิตที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ จึงทำให้ได้เท่านี้
ปีนี้แย่ครับต่ำสุด 2.80 บาท ผมก็ทำบัญชีดูแล้ว เหลือเฉลี่ยแล้วก็ประมาณ รายได้ขั้นต่ำแหละครับช่วงนี้ ผมว่าราคาอยู่ตัวนี่อย่างน้อยก็ต้อง 4.50 บาท หรือไม่ต่ำกว่า 4 บาท อยู่ได้ครับ แต่ถึงยังไงตอนนี้ราคาไม่ดีเราก็ยังต้องบำรุงอยู่
เพียงแต่เขาไม่ได้ “ฝากอนาคต”
ไว้กับปาล์มน้ำมันอย่างเดียว ยังมีรายได้จาก ไร่อ้อย และยางพารา
เจ้าของสวนสังเกตว่าช่วงหน้าแล้งปาล์มจะออกทะลายมาก หากไม่มีน้ำให้ทะลายจะขาดน้ำจนแห้งไปเลย ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
แม้ว่าปาล์มจะมีต้นทุนน้ำและปุ๋ยสูงกว่าพืชตัวอื่น แต่ข้อดีของมันคือ ทำรายได้ทุกๆ 15 วัน ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบระหว่างพืชทั้ง
3 ตัว เขาบอกว่ามีข้อดีแตกต่างกัน ที่มองเห็นหลักๆ คือ ต้นทุนน้ำและปุ๋ย
ทั้งไร่อ้อยและสวนยาง ไม่ใช้มากเหมือนสวนปาล์ม เลยไม่มีต้นทุนเรื่องน้ำ
แต่ข้อดีของปาล์ม คือ
เมื่อดูแลให้มีผลผลิตสม่ำเสมอ จะได้ผลผลิตผลิตต่อเนื่องและมีรายได้ตลอดทั้งปี
ต่างจากอ้อยที่มีรายได้เพียงปีละครั้ง
ขณะที่สวนยางมีต้นทุนหลักคือ แรงงาน สูงถึง 50% ของรายได้ หนำซ้ำปีหนึ่งกรีดยางได้เพียงแค่ 6-7
เดือนเท่านั้น
อ้อยตัดขายปีละครั้ง ยางก็มีปิดหน้ายาง มกราคม ไปกรีดอีกครั้งก็ พฤษภาคม หยุดกรีดหลายเดือน แต่ว่าปาล์มมีรายได้ทุกเดือน ต่อเนื่องทุกเดือน แม้ว่าช่วงนี้ราคาจะน้อยแต่ก็ได้ทุก 15 วัน
ในยามที่ไม่มีพืชเศรษฐกิจตัวไหนพึ่งพาได้ในระยะยาว
การปลูกพืชหลายตัว สร้างรายได้หลายทางดูจะเป็นทางที่เสี่ยงน้อยที่สุดสำหรับพิชิตชัย
เขาย้ำแล้วย้ำอีกว่าหากจะปลูกปาล์มภาคอีสาน
ต้องดูพื้นที่ให้เหมาะสม ควรอยู่ใกล้แหล่งน้ำ จะห้วย หนอง คลอง บึง หรือแม่น้ำ
ขอให้มีน้ำตลอดทั้งปี ถ้าไม่มีก็ต้องสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ อย่างสวนปาล์มของเขา
ถ้าไม่มีน้ำ ปลูกปาล์มไม่ได้หรอกครับ
ถ้าไม่มีน้ำ ปลูกปาล์มไม่ได้หรอกครับ พิชิตชัยบอก ━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
เจ้าของสวนเลือกปลูกพันธุ์ “โกลด์เด้นเทเนอร่า” เพราะมีคุณสมบัติทนแล้ง ให้ผลผลิตสม่ำเสมอ
และมีเกษตรกรนำมาปลูกในภาคอีสานจนเห็นผลแล้ว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━ |
ส่วนตลาดรับซื้อปาล์มใน จ.อุดรธานีมีลานรับซื้อผลผลิตอยู่ในอำเภอใกล้กัน
3 ลาน คือ อ.บ้านดุง อ.หนองหาน และ อ.ไชยวาน
ประกอบกับการเข้ามาตั้งโรงงานหีบน้ำมันปาล์ม ของ บริษัท
อีสานพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์ม จำกัด ใน จ.สกลนคร
น่าจะช่วยให้ราคาปาล์มในพื้นที่ยกระดับสูงขึ้น
จากเดิมที่ลานรับซื้อต้องบรรทุกไปขายโรงงาน
ใน ชลบุรี ต้นทุนค่าขนส่งเลยสูง
ส่งผลให้ราคารับซื้อจากเกษตรกรต่ำกว่าภาคอื่นๆ
ขอขอบคุณ
พิชิตชัย
บุญเมืองขวา
ต.นาทม อ.ทุ่งฝน
จ.อุดรธานี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น