หลังจากคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.) มีมติเดินหน้าการเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนดำเนินการจัดเก็บ ค่าธรรมเนียมการส่งยางพาราออกนอกราชอาณาจักร (CESS) แทน 3 หน่วยงานหลัก คือ กยท. กรมวิชาการเกษตร และกรมศุลกากร
เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดการรั่วไหล และไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งระบบ เพราะข้อมูลตัวเลขของทั้ง 3 หน่วยงาน ไม่ตรงกัน ทำให้ กยท.และชาวสวนยาง ต้องสูญเสียผลประโยชน์
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ออกมาเปิดเผยว่ามีขบวนการหลบเลี่ยงเงิน CESS ซึ่ง กยท. ได้เคยประเมินเปรียบเทียบสถิติพื้นที่ปลูกยางในประเทศไทยโดยใช้ฐานข้อมูลเดิมเป็นเกณฑ์ พบว่าปี 2560 มีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 20.5 ล้านไร่ จะให้ปริมาณผลผลิตประมาณ 4.5 ล้านตัน
ต่างจากข้อมูลสำรวจจากดาวเทียมของ Gistda ในปีเดียวกัน ที่มีพื้นที่ปลูกยางมากกว่า 32 ล้านไร่ ต่างกันเกือบ 11.5 ล้านไร่ จึงเสนอข้อสังเกตว่า ปริมาณผลผลิตยางที่แท้จริงอาจคลาดเคลื่อนไปมาก และตัวเลขการส่งออกจริงอาจสูงกว่าที่เป็นอยู่
บอร์ด กยท. ไม่นิ่งนอนใจและให้ความเห็นว่า หากมีการลักลอบส่งออกยาง หรือการหลบเลี่ยงภาษีส่งออกจริง ต้องดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยทำงานประสานร่วมมือกับกรมศุลกากรมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงพื้นที่เพื่อไปสังเกตการณ์ตามด่านต่างๆ ทั่วประเทศ
ขณะนี้อยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐาน เพื่อหาทางแก้ไขระบบให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงาน
ผู้ว่าการฯ กล่าวเสริมว่า เพื่อป้องกันการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จึงได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องการหลบเลี่ยงการจ่ายเงิน Cess ซึ่งส่งผลมาถึงการที่ กยท. ต้องดำเนินการปรับปรุงระบบการจัดเก็บเงิน Cess เพื่อให้มีความชัดเจนและโปร่งใส ข้อมูลตรวจสอบได้ทั้งระบบ
หากพบว่ามีการทุจริตจริง กยท. จะดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายต่อผู้สมรู้ร่วมคิดในการกระทำความผิดอย่างแน่นอน
ปัญหาความรั่วไหลในการจัดเก็บเงิน Cess ถือเป็นเรื่องสำคัญของทั้งผู้บริหารและพนักงาน กยท. ที่จะร่วมกันในการสอดส่องดูแลเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างให้กับกลุ่มคนใดหรือบุคคลใดเข้ามาหาประโยชน์จากเรื่องนี้ เพราะการบริหารจัดเก็บเงิน Cess เพื่อนำเข้ากองทุนพัฒนายางพารา ถือเป็นหน้าที่หนึ่งที่ กยท.จะต้องดูแลให้เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่เกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง ในการนำไปพัฒนาวงการยางพาราไทยต่อไป
ดร.ธีธัช กล่าว
ประเด็นเรื่องการให้เอกชนเข้ามาจัดเก็บเงิน CESS ซึ่งมีมูลค่าปีละประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ถูกคัดค้านจากชาวสวนยาง และ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการยางแห่งประไทย (สร.กยท.)
ขณะที่ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการยางแห่งประไทย (สร.กยท.) ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้พนักงานของ กยท.ร่วมกันแต่งชุดดำ เพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยและคัดค้านให้เอกชนเก็บเงิน CESS เช่นกัน
- Advertisement -
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น