การยางแห่งประเทศไทย
(กยท.) เปิดโครงการและส่งมอบสนามตะกร้อจากยางพาราแก่เทศบาลนครตรัง
ซึ่งถือเป็นกิจกรรมด้านการดำเนินงานแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม(CSR) ของ กยท. โดยมี
นายเสนีย์ จิตตเกษม ประธานอนุกรรมการ CSR เป็นตัวแทนของ
กยท. ส่งมอบสนามตระกร้อจากยางพารา พร้อมด้วย คณะอนุกรรมการ CSR ผู้บริหารของ กยท. ณ สนามกีฬาทุ่งแจ้ง อ.เมือง จ.ตรัง ชู
นวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา เพื่อส่งเสริมทักษะด้านกีฬาแก่เยาวชน
เสริมสร้างสุขภาพที่ดีเป็นแหล่งออกกำลังกายแก่ผู้อาศัยในชุมชนและสังคม
ควบคู่การส่งเสริมให้แปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่ายาง
ตลอดจนเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศ
นายเสนีย์
จิตตเกษม กรรมการการยางแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานอนุกรรมการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของ กยท. เผยว่า กยท.เป็นองค์กรกลางรับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการเกี่ยวกับยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร
ทำหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนากิจการเกี่ยวกับยางพาราของประเทศ
สำหรับกิจกรรมสร้างสนามตะกร้อปูพื้นยางเพื่อมอบให้แก่เทศบาลนครตรังในครั้งนี้
คือการนำยางพารามาแปรรูปเป็นแผ่นยางแล้วปูพื้นสนามตะกร้อแทนการปูพื้นซีเมนต์แบบทั่วไป
ถือเป็นกิจกรรม CSR ที่สอดรับกับมาตรการส่งเสริมการแปรรูปยางพาราในประเทศให้มากขึ้น
และช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ยางพาราอีกทางหนึ่ง
“ยางพารามีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือ
มีความยืดหยุ่นและสามารถรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี
จึงเหมาะที่จะนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องรับแรงกระแทก เช่น ปูพื้นสนามกีฬา
เพราะสามารถลดแรงกระแทกที่กระทำต่อข้อเท้า ในขณะออกกำลังกาย
อีกทั้งยังลดความรุนแรงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งแผ่นยางปูพื้น
1 แผ่น มีขนาดกว้าง 33ซม. ยาว 33 ซม. หนา 2.5 ซม. น้ำหนักประมาณ3.8 กิโลกรัม โดยการปูแผ่นยางบนพื้นที่ 1 ตารางเมตร จะต้องประกอบด้วยแผ่นยางจำนวน
9 แผ่น มีวัตถุดิบเป็นยางแห้งประมาณ
10 กิโลกรัม/ 1ตารางเมตร ครั้งนี้
กยท. สนับสนุนการปูพื้นสนามตะกร้อแก่เทศบาลนครตรัง เป็นพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 130
ตารางเมตร มีการใช้ยางแห้งประมาณ 1,300 กิโลกรัม
มาเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นแผ่นยาง ซึ่งแผ่นยางพาราที่นำมาปูพื้นสนามตะกร้อเป็นงานวิจัยของฝ่ายวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยาง
กยท. ที่ผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแผ่นยาง เลขที่ มอก. 2739-2559 จึงถือได้ว่าเป็นการนำงานวิจัยของ กยท.
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม
สามารถเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
อีกทั้งยังสามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของนักกีฬาและคนในชุมชนให้มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย” นายเสนีย์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น