ปาล์มน้ำมัน

[ปาล์มน้ำมัน][bsummary]

ยางพารา

[ยางพารา][bsummary]

เทคนิคจากสวน

[เทคนิคจากสวน][twocolumns]

NEWS

[News][bleft]

ปาล์มน้ำมันสปริงแบล็ค (เดลี ไนจีเรียแบล็ค) ทะลายใหญ่ ผลผลิตไม่ขาดคอ

ช่วงหลังมานี้มักได้ยินชื่อปาล์ม สปริงแบล็ค หรือชื่อเดิม เดลี่ ไนจีเรียแบล็ค บ่อยขึ้น ไม่ใช่เพราะว่าเป็นปาล์มพันธุ์ใหม่นะ แต่เป็นปาล์มตัวเก่าๆ ที่ให้ผลผลิตในช่วงอายุมากกว่า 8 ปีขึ้นไป และได้ยินเสียงตอบรับจากเกษตรกรในเชิงบวกมากพอสมควร

เว็บไซต์ยางปาล์มจึงเข้าพูดคุยกับ อรรณพ ยังวนิชเศรษฐ เกษตรกรที่ใช้ปาล์มพันธุ์สปริงแบล็คจริง โดยได้รับการแนะนำจาก หจก. สุราษฎร์พันธ์ปาล์ม ผู้นำเข้าเมล็ดพันธุ์และผลิตกล้าปาล์มรายใหญ่รายหนึ่งของเมืองไทย

พี่อรรณพ ให้ข้อมูลว่า ปาล์มพันธุ์สปริงแบล็ค มีข้อดีคือ โคนใหญ่ ขนาดทะลายใหญ่ ผลใหญ่ เปอร์เซ็นต์น้ำมันดี มีความสม่ำเสมอในการออกทะลาย และมีความทนแล้งระดับหนึ่ง จึงไม่ขาดคอยามแล้ง แต่ก็มีอยู่ข้อหนึ่งที่บางคนบอกว่าเป็นข้อดี บางคนบอกว่าเป็นข้อเสีย..เอ๊ะ ยังไง ??

ก็เพราะว่าเจ้าสปริงแบล็คเป็นปาล์มที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง ฉะนั้นลักษณะตามธรรมชาติของเขาก็คือ สุกเร็ว ร่วงเร็ว ถ้าเกษตรกรมีคนงานตัดสม่ำเสมอก็นับว่าเป็นข้อดีที่จะได้ตัดปาล์มถี่ขึ้นได้เงินไวขึ้นนั่นเอง 

แต่ถ้าหาคนตัดปาล์มไม่ได้ก็จะกลายเป็นความกังวลเล็กๆ ไปกันเลยทีเดียว แต่ถ้ามองในแง่ดีนี่ถือว่ารอบตัดไวได้เงินไวกว่าเห็นๆ   
ในส่วนของสวนปาล์มของพี่อรรณพ ถือว่ามีหลากหลายช่วงอายุ หลากหลายสภาพพื้นที่ แปลงที่ได้กำไรน้อยที่สุดสำหรับปาล์มอายุเกิน 8 ปี ก็กำไรอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท/ไร่/ปี แปลงที่ได้กำไรสูงที่สุดประมาณ 15,000 บาท

เขาให้ข้อมูลต่อไปว่าปัจจัยที่จะทำให้เราได้กำไรมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิต จำนวนตัน/ไร่/ปี เมื่อใส่ปุ๋ยทุกแปลงเหมือนกัน แต่ทำไมผลผลิตจากแต่ละแปลงจึงไม่เหมือนกัน ก็เพราะปัจจัยเหล่านั้นถูกกำหนดด้วยอายุปาล์ม สายพันธุ์ที่ใช้ และสภาพพื้นที่

อายุปาล์ม กำหนดปริมาณผลผลิต
แน่นอนว่าอายุของปาล์มเป็นหนึ่งในตัวกำหนดปริมาณผลผลิต ต้นอายุน้อยยังสมบูรณ์ไม่เต็มที่ย่อมให้ผลผลิตน้อย ส่วนต้นที่อยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ย่อมให้ผลิตสูง คือช่วงปีที่ 8 บวก ลบ เล็กน้อย และหลังจากนั้นเมื่อปาล์มอายุมากขึ้น หรือเข้าสู่ช่วงปาล์มแก่ผลผลิตก็จะค่อยๆ ลดลง นั่นเอง 
ยกตัวอย่าง ปาล์มบางพันธุ์มีลักษณะทางสั้นก็จะได้จำนวนต้นต่อไร่มากกว่า ผลผลิตก็มีโอกาสจะมากกว่า หรือแม้กระทั่งคุณสมบัติในการปรับตัวหรือความทนแล้งก็มีผลต่อการให้ผลผลิต ปาล์มที่ทนแล้งได้ประมาณหนึ่งหรือทนแล้งได้ดีก็ลดโอกาสปาล์มขาดคอช่วงแล้ง ผลก็คือจะได้ผลผลิต/ต้น/ปี สูง ยิ่งถ้าเป็นปาล์มเนื้อเยื่อก็จะมีความสม่ำเสมอมากขึ้นก็ทำให้กำไร/ไร่สูงกว่าปกติ ต้นทุน/กิโลจะต่ำลง แต่ บวก ลบ คูณ หาร แล้วก็ยังมีกำไร

สภาพพื้นที่สอดคล้องกับการจัดการ ชี้วัดผลผลิต
สวนปาล์มของพี่อรรณพให้ปุ๋ยเหมือนกันทุกแปลง ดังนั้นการที่ต้นปาล์มจะตอบสนองต่อปุ๋ยได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ หากดินเป็นกรดสูง รากปาล์มก็ดึงสารอาหารไปใช้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับเรื่องการปรับสภาพดินมากพอสมควร เพราะถ้าดินดี ปุ๋ยถึงอย่างไรผลผลิตต้องออกมาดีแน่นอน 
อรรณพเล่าว่า สภาพดินในสวนบางแห่งมีความเป็นกรดสูง pH 4 อินทรียวัตถุน้อยมาก การแก้ไขเริ่มจากใช้โดโลไมท์ปรับสภาพดิน ประมาณ 5 กก./ต้น ใส่ทุกปี ช่วงแรกใส่รอบโคนต้นก่อน แต่เมื่อปาล์มเริ่มปรับสภาพได้แล้วจึงเปลี่ยนก็มาใส่บนกองทาง 

หลังจากนั้นก็จะสลับกับการใส่กลีเซอไรด์ เพราะตัวนี้ให้ธาตุแมกนีเซียม ใส่ปีเว้นปีสลับกับโดโลไมท์ ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมักที่ทำเองจาก เค้กปาล์ม ขี้วัว ขุยมะพร้าว สารเร่ง พด.1 หมักไว้ 2-3 เดือน ใส่ต้นละกระสอบประมาณ 40 กก. ซึ่งใช้เวลาอยู่หลายปีกว่าจะปรับสภาพดินให้ความเป็นกรดลดลง

ในส่วนของการใส่ปุ๋ยที่กล่าวไปในขั้นต้นนั้น อรรณพให้ปุ๋ยแบบเดียวกันทุกแปลง ดังนี้
1. ก่อนแล้งใส่โพแทสเซียม (K) 0-0-60 1-2 กก.
2. เริ่มหน้าแล้งเราก็ใช้ ร็อคฟอสเฟต กับแมกนีเซียม คู่กัน ต้นละ 1-2 กก.
3. เมื่อฝนเริ่มลงใส่ไนโตรเจน (N) 21-0-0 ต้นละ 1-1.5 กก.
4. แล้วเริ่มวนมาใส่ 0-0-60 1-2 กก.
5. ใส่โบรอน ปีละ 1 ครั้ง
6. ใส่แบบนี้วนไปเรื่อยๆ จะเท่ากับว่าใส่ปุ๋ยถึงปีละ 8 ครั้งเลยทีเดียว

“อย่างไรก็ตามมันไม่มีสูตรสำเร็จหรอก แต่ว่าเราก็มีแผน บางครั้งช่วงที่น้ำท่วมเราใส่ไม่ได้ทิ้งช่วงเป็นเวลานานก็ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการใส่ปุ๋ยสูตร 10-10-30 เพื่อให้ปาล์มได้กินให้ครบ ให้เขาได้กิน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ทันเวลา” อรรณพพูดถึงปัญหาและอุปสรรคในการใส่ปุ๋ยที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ กับชาวสวนปาล์ม

ราคากับการดูแล
อรรณพแสดงความคิดเห็นว่าเขายังยึดแนวทางเรื่องการจัดการเหมือนเดิม การบำรุงรักษา การใส่ปุ๋ยก็ไม่ได้ลดปริมาณลง แต่ก็ใส่ตามที่สภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวย หากมีน้ำเพียงพอก็จะต้องใส่ปุ๋ยตามปกติ และตอนนี้มีแผนงานซ่อมแซมระบบน้ำเพื่อให้ใส่ปุ๋ยปาล์มได้ต่อเนื่องในฤดูแล้ง

“เราคิดแบบนี้ก็เพราะว่า เรามีข้อมูลเปรียบเทียบแล้วว่าถึงราคาจะจูงใจหรือไม่จูงใจ มันก็ต้องตัด ต้องขาย เพราะว่าไม่รู้จะเอาไปไหน มันเป็นพืชอุตสาหกรรมยังงัยเราก็ต้องส่ง เพราะว่าเราเองยังไม่สามารถแปรรูปใช้งานเองได้ทั้งหมด ดังนั้นปัจจัยที่จะทำให้เรามีกำไรมากขึ้น ก็คือทำอย่างไรให้ผลผลิตสูง นี่คือหัวใจ”

“และจากการสังเกตดูช่วงตั้งแต่ปลายปีที่สุราษฎร์ฯ รณรงค์เรื่องการทำปาล์มคุณภาพ จากตัวเลขที่ทางพาณิชย์ทำตัวเลขสรุปมาให้ดู คือ เปอร์เซ็นต์น้ำมันเกือบทุกโรงเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ แล้วเปอร์เซ็นน้ำมันเฉลี่ยสูงกว่าจังหวัดใกล้เคียง มันก็เป็นปัจจัยให้ราคารับซื้อปาล์มในสุราษฎร์นี่สูงกว่าจังหวัดใกล้เคียงตันละ 200-400 บาท ซึ่งมันไม่มากมายหรอก แต่ถ้าหลายๆ ตันเข้าก็ตัวเงินที่ได้มันก็เยอะขึ้น”

ในฐานะเกษตรกรเขายังมองว่า ราคาปาล์มนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐหรือกลไกลตลาด เพราะปาล์มเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ เกษตรกรอาจจะยังทำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็มีเกษตรกรหรือคนปลูกปาล์มทั่วไปหลายรายที่เข้าใจก็ยังมองเห็นความสำคัญของการจัดการเป็นหลัก เพราะนี่คืออาชีพ คืองานประจำของเขา

แต่ก็มีเกษตรกรอีกไม่น้อยที่ลดการใส่ปุ๋ยลง สังเกตจากร้านปุ๋ยรายย่อยยอดขายลดลงจากปี 2560 ประมาณ 40% ส่วนร้านขายส่งลดลงเกือบๆ 30% นี่บ่งบอกได้เลยว่าการดูแลสวนปาล์มของเกษตรกรลดน้อยลงจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตำหนิหรือดราม่า เพราะแต่ละคนมีความจำเป็นแตกต่างกันไป ภาระหน้าที่ไม่เหมือนกัน รายรับที่ได้ รายจ่ายที่มีก็ไม่เหมือนกัน 
อย่างไรก็ตามอย่างน้อยๆ ก็อยากให้เกษตรได้ดูแลใส่ใจสวนปาล์มบ้าง แม้ว่าจะราคาจะไม่โดนใจ เพราะปาล์มเป็นพืชอายุยืน ใช้ปุ๋ยมาก หากชะงักแล้วฟื้นตัวยาก บางทีเกษตรชาวสวนปาล์มอาจจะต้องมีอาชีพเสริม ที่ 2 ที่ 3 เพื่อให้มีรายได้หมุนเวียนมากขึ้นนั่นเอง

ในสถานการณ์แบบนี้ ราคาแบบนี้ คนที่เลือกพันธุ์ปาล์มได้เหมาะสม เลือกพันธุ์ดี เหมาะกับสภาพพื้นที่ และมีการดูแลที่ดีจะยังได้ตัดปาล์มขาย ยังมีรายได้ แม้จะไม่เท่าเดิมแต่ก็ไม่ขาดแน่นอน

ขอขอบคุณ
อรรณพ ยังวนิชเศรษฐ
88 หมู่ ถ.พุนพิน - ท่าชนะ ต.มะลวน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี 84130

- Advertisement -




ไม่มีความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม