หนุ่มตรัง ปรับโรงเรือนยางแผ่นดิบ เลี้ยงจิ้งโกร่ง และด้วงสาคู ทำเงินเกือบ 70,000 บาท/เดือน
แต่ขณะนี้กลับมาเลี้ยงใหม่
มีจำนวน 8 บ่อ
ปรากฏว่า เสียงตอบรับดีมาก และสินค้าไม่พอต่อความต้องการของตลาด
จึงอยู่ระหว่างการเตรียมขยายบ่อเลี้ยงเพิ่มให้เต็มพื้นที่อีก 40 บ่อ
ขณะเดียวกันยังได้ส่งเสริมความรู้ให้แก่เกษตรกรใน จ.ตรัง พร้อมจำหน่ายพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ที่ผ่านการทดลอง ทดสอบสายพันธุ์แล้วให้แก่ลูกฟาร์ม ในราคาบ่อละ 300-500 บาท เพื่อนำไปขยายพันธุ์ พร้อมรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนรายใหญ่รายเดียวใน จ.ตรัง ปัจจุบันมีสมาชิกรวมประมาณ 40 ราย ทำให้มีสามารถรวบรวมจิ้งโกร่งส่งป้อนตลาดได้เดือนละประมาณ 1 ตัน สร้างรายได้ให้เดือนละ 50,000 บาท
นอกจากนั้นยังมีการเลี้ยงด้วงสาคูด้วย
โดยตลาดส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ และจะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงที่
ซึ่งขณะนี้มีการเลี้ยงด้วงสาคูประมาณ 200-300 กะละมัง
มีผลผลิตต่อสัปดาห์ละประมาณ 30 กก. ขายในราคา กก.ละ 150
บาท หรือเดือนละประมาณ 18,000 บาท ดังนั้น
ทั้งจิ้งโกร่ง และด้วงสาคู จึงสามารถสร้างรายได้ให้ถึงเดือนละเกือบ 70,000 บาท
นายอดิศร
เล่าว่า ตนเองประสบปัญหาขาดทุนจากการทำยางแผ่นดิบ
เพราะมีราคาตกต่ำ จึงเปลี่ยนมาเลี้ยงจิ้งโกร่ง แต่ต้องหยุดจากสถานการณ์โควิด
เสียหายหลายแสนบาท แต่ขณะนี้กลับมาทำใหม่
เริ่มจากซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จิ้งโกร่งมา 1 ขัน ในราคา 1,000 บาท มาเลี้ยงในบ่อ จนกระทั่งสามารถขยายพันธุ์ได้
และแจกจ่ายให้แก่สมาชิกที่มีอยู่ทั่วจังหวัดตรัง รวมทั้งหมดประมาณ 500 บ่อ โดยตนรับซื้อผลผลิตคืนจากสมาชิกในราคากิโลกรัมละ 120 บาท จากนั้นนำมาทำเป็นจิ้งโกร่งแช่แข็ง ส่งไปขายในตลาดภาคกลาง และภาคเหนือ
ในราคาส่งกิโลกรัมละ 150 บาท ส่วนราคาปลีกกิโลกรัมละ 200
บาท ซึ่งตลาดจะแย่งกันซื้อ เพราะความต้องการสูงมาก
เนื่องจากลูกค้านำไปทำอาหารเมนูได้หลายอย่าง ทั้งนี้ การเลี้ยงจิ้งโกร่ง
จะใช้เวลาประมาณ 65-75 วัน ก็สามารถจับขายได้
สำหรับการเลี้ยงจิ้งโกร่ง
และด้วงสาคู จะลดรายจ่ายโดยการให้กินใบมันสำปะหลัง
ซึ่งตนเองปลูกเอาไว้กว่า 1 ไร่
เพราะมีโปรตีนที่สำคัญมากเท่ากับอาหารสัตว์
ที่กำลังประสบปัญหาราคาพุ่งสูงขึ้นรื่อยๆ จึงเป็นสัตว์ที่ปลอดภัย ปลอดสารพิษ 100%
ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดผู้บริโภคอย่างสูง
โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ โทร 083 391-3652
ที่มา : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น