ปัจจุบันพบการระบาด โรคใบร่วง ชนิดใหม่ในยางพาราเกือบ 70 จังหวัดและมีพื้นที่ได้รับความเสียหายมากกว่าล้านไร่และมีแนวโน้มพบพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการระบาดของโรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราโดยตรง เนื่องจากโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราทำให้ใบยางพาราเกิดอาการร่วงอย่างรุนแรง การเจริญเติบโตของต้นยางพาราหยุดชะงักและผลผลิตยางพาราลดลง
เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราตามนโยบายของรัฐ การกระทรวงเกษตรฯ กรมวิชาการเกษตรจึงได้บูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กรมส่งเสริมการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยางและสหกรณ์จังหวัดในพื้นที่โรคระบาด ผู้แทนสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ผู้แทนเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้แทนภาคเอกชนเพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการโรคที่เหมาะสมและประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
จากการศึกษาของกลุ่มวิจัยโรคพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช พบว่าโรคใบร่วงยางพาราชนิดใหม่เกิดจากเชื้อรา Pestalotiopsis sp. หรือเชื้อรา Colletotrichum sp. ซึ่งสามารถแพร่ระบาดได้โดยการพัดไปตามกระแสลม และน้ำฝน รวมถึงการเคลื่อนย้ายต้นพันธุ์หรือวัสดุปลูกจากแปลงที่เกิดโรค งานวิจัยด้านการป้องกันกำจัดจึงแบ่งการทดลองออกเป็น 2 ส่วนคือ
1. การทดสอบหาชนิดของสารป้องกันกำจัดเชื้อราที่มีประสิทธิภาพ เบื้องต้นพบว่าสารคาร์เบนดาซิม 50% SC สารไดฟีโนโคลนาโซล+โพรพิโคนาโซล 15% + 15% EC สารโพรคลอราซ 45% EW เป็นสารที่มีประสิทธิภาพดีให้ผลการทดลองที่สอดคล้องกันทั้งในห้องปฏิบัติการและแปลงทดสอบในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา
2. การทดสอบเทคโนโลยีการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช ด้วยเครื่องพ่นสารชนิดต่างๆ เบื้องต้นจากผลการทดลองพบว่าการพ่นสารด้วยเครื่องพ่นสารแบบใช้แรงลมขนาดใหญ่ ให้ผลในการควบคุมโรคใบร่วงได้ดีที่สุด รองลงมาได้แก่กรรมวิธีที่พ่นด้วยอากาศยานไร้คนขับ และกรรมวิธีการพ่นด้วยเครื่องยนต์พ่นสารแบบแรงดันน้ำสูงชนิดลากสาย
ที่ผ่านมาคณะนักวิจัยจากกรมวิชาการเกษตร
ได้ลงพื้นที่เพื่อนำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีไปทดสอบในสวนยางพาราของเกษตรกรที่พบปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงยางพาราอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งแม้ขณะนี้จะได้ชนิดสารป้องกันกำจัด เทคโนโลยีการพ่นสาร และเครื่องพ่นสารที่เหมาะสมต่อการป้องกันกำจัดโรคใบร่วงยางพาราแล้วก็ตาม
แต่คณะนักวิจัยเห็นตรงกันว่าควรจะมีการทดสอบเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 แปลง
เพื่อให้ได้ข้อมูลยืนยันชนิดของสารป้องกันกำจัดโรคพืช
ชนิดของเครื่องพ่นสารและอัตราพ่นที่เหมาะสม
เพื่อนำมาใช้เป็นคำแนะนำแก้ไขปัญหาการระบาดโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น