การใส่ปุ๋ยปาล์มน้ำมันเป็นเรื่องที่ชาวสวนปาล์มทุกคนต้องทำเพื่อให้ต้นปาล์มเจริญเติบโตและให้ผลผลิต แต่เชื่อหรือไม่ว่าเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันหลายๆ ท่านยังไม่รู้ว่าต้องใส่ปุ๋ยอย่างไร มีหลักการอย่างไรบ้าง เว็บยางปาล์ม จึงขอนำเสนอ “หลัก 4 ถูก” ของ คุณณัฐดนัย สุขรัตน์ มาบอกเล่าให้กับทุกท่านไว้เป็นแนวทางในบทความนี้
👉 ใช้ปุ๋ย
“ถูกสูตร”
ขั้นแรกเกษตรกรต้องศึกษาหาความรู้ในเรื่องธาตุอาหารที่ปาล์มน้ำมันต้องการ
ปกติจะมีข้อมูลของกรมวิชาการเกษตรอยู่แล้วว่าต้นปาล์มต้องการธาตุอาหารแต่ละชนิดในปริมาณเท่าไหร่
ในส่วนของคุณณัฐดนัยเองจะกำหนดปริมาณธาตุอาหารรวมสำหรับต้นปาล์มว่าจะต้องใช้เท่าไหร่
โดยพิจารณาจากข้อมูลที่จดบันทึกผลผลิต บันทึกการใส่ปุ๋ยในปีที่ผ่านมา
และดูปริมาณผลผลิตประกอบด้วยตารางปุ๋ยปาล์มน้ำมันตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร
จากนั้นก็นำมาแปลงกลับเป็นปุ๋ยที่เลือกใส่ และกำหนดว่าต้องใส่ปุ๋ยเท่าไหร่จึงจะได้ธาตุอาหารครบ สมมุติกำหนดว่าจะใส่ไนโตรเจน (N) 1,000 กรัม/ต้น/ปี หากเลือกใส่แม่ปุ๋ย 21-0-0 ก็จะต้องใช้ที่ประมาณ 5 กก. ธาตุไนโตรเจนอาจเกินมานิดหน่อย ไม่เป็นผลเสีย เกินไว้ก่อนก็ได้เพราะบางทีมันจะมีเรื่องของการสูญเสียบ้าง แต่ถ้าใส่ไม่ครบจะมีปัญหามากกว่า ถ้าจะให้เต็ม 100% จะเป็นเรื่องยาก แต่ขอให้ผิดพลาดน้อยที่สุด
👉 ใช้ปุ๋ย
“ถูกปริมาณ”
ต่อมาจากข้อที่ 1 เมื่อรู้สูตรแล้ว ขั้นต่อไปคือรู้ปริมาณ เช่น เมื่อรู้แล้วว่าต้องใส่แม่ปุ๋ย 21-0-0 ปริมาณ 5 กก. จากนั้นก็นำมาแบ่งใส่เป็น 3 รอบ คือ ต้นฝน กลางฝน และปลายฝน โดยปริมาณที่ใส่อาจจะเท่ากันทุกรอบ หรือรอบสุดท้ายใส่มากกว่าครั้งอื่นๆ ก็ได้ เช่น 1.5,หรือ 2.0 กก./ต้น
อย่างของผมเองจะใส่เท่ากันทั้ง 3 รอบ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนในรอบสุดท้ายนิดหน่อยโดยเพิ่มโพแทสเซียมโดยพิจารณาจากปุ๋ยที่เราเลือกมาว่าต้องมีการปรับเรโชอย่างไรบ้าง ถ้าเรโชระหว่างธาตุยังไม่ได้สัดส่วนก็ต้องมีการปรับโดยการเติมแม่ปุ๋ยบางตัวลงไปให้สมดุลเหมาะสม
👉ใช้ปุ๋ย
“ถูกเวลา”
ถูกเวลานี้คุณณัฐดนัยให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะใส่ปุ๋ยต้องใส่เวลาที่ดินมีความชื้น ส่วนใหญ่จึงมักใส่หลังจากฝนตก โดยมีการดูพยากรณ์อากาศ ดูประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ดูสภาพแวดล้อมว่าเป็นอย่างไร อาศัยการสังเกตธรรมชาติง่ายๆ แต่ถ้าท่านใดยังดูไม่เป็น แนะนำว่าควรใส่ปุ๋ยหลังฝนตก ไม่ควรใส่รอฝน
เพราะการใส่ปุ๋ยรอฝนนั้นมีความเสี่ยงสูง เช่น ถ้าฝนไม่ตกปุ๋ยก็จะระเหิดเกิดการสูญเสีย แต่ถ้าเกิดฝนตกหนักปุ๋ยก็ละลายไปกับน้ำ ยิ่งถ้าสวนเป็นพื้นที่ลาดเอียงจะเกิดการสูญเสียจากการชะล้างอีก ฉะนั้นใส่หลังฝนจะปลอดภัยกว่า save กว่า
อีกเทคนิคหนึ่งของคุณณัฐดนัย คือ
ในรอบของปลายฝนที่เป็นรอบสุดท้ายจะมีการปรับสัดส่วนระหว่าง ไนโตรเจน (N) กับ โพแทสเซียม (K) เป็น 1 : 3 เรื่องรองรับฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง
เนื่องจากมีงานวิจัยออกมาแล้วว่าการใส่ปุ๋ยสัดส่วนนี้ในรอบสุดท้ายช่วยให้ปาล์มน้ำมันทนแล้งมากขึ้น
ซึ่งหลังจากได้ทดลองแล้วก็ได้ผลดีตามที่งานวิจัยบอก
เช่น ปกติรอบสุดท้ายจะใส่ธาตุไนโตรเจน 300
กรัม และใส่โพแทสเซียมปริมาณ 900 กรัม และในช่วงแล้งจะใส่ 0-3-0 ที่เป็นร็อกฟอสเฟส
และ ปูนปรับสภาพดินอย่างโดโลไมท์ เพราะกลุ่มนี้สามารถใส่ช่วงแล้งรอฝนได้
เนื่องจากกลุ่มนี้ต้องใช้เวลาในการย่อยสลายตัวค่อนข้างนาน และช่วงแล้งเองเราก็ไม่ได้ใส่ปุ๋ยอื่นๆ
อยู่แล้ว
ใส่ปุ๋ยบริเวณกองทาง และบริเวณที่มีอินทรียวัตถุ |
👉ใส่ปุ๋ย “ถูกที่”
บริเวณใส่ปุ๋ย จะยึดหลักว่าใส่ปุ๋ยตรงที่มีรากเยอะๆ จุดที่มีการสูญเสียจากการชะล้างน้อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพื้นที่ที่มีอินทรียวัตถุ อาจจะเป็นกองทาง เป็นพื้นที่ใต้โคนที่มีกาบใบหล่นลงมา ส่วนจุดอื่นๆ ก็ใส่ได้ แต่จะเน้นบริเวณนี้ เพราะบริเวณนี้สูญเสียจากการชะล้างน้อย แล้วก็เป็นจุดที่ีี pH ค่อนข้างดี ไม่เป็นกรดมากเกินไป ค่อนข้างไปทางกลาง อาจจะเป็น 5.5 ไปถึง 6.5 การปลดปล่อยของปุ๋ยก็ค่อนข้างจะดี
การใส่ปุ๋ยให้ถูกที่ก็คือบริเวณกองทางนั่นเอง นั่นเป็นสาเหตุที่คุณณัฐดนัยพยายามสร้างบริเวณกองทางให้มากที่สุด จึงสังเกตได้ว่ากองทางภายในสวนจะถูกวางเป็นรูปตัวที (T) หรือ ตัวซี (C) นั่นเอง
👉ผลลัพธ์ที่ได้จาก “4 ถูก”
✅ มีภูมิคุ้มกันที่ดี
หมายความว่า เมื่อมีความรู้ในเรื่องของปุ๋ย เข้าใจในการเลือกใช้ เกษตรกรก็ปรับใช้ได้ตลอดโดยไม่ต้องยึดว่าต้องใส่ปุ๋ยสูตรนั้น สูตรนี้เท่านั้น แต่หมายความว่าจะไปเลือกใช้ปุ๋ยสูตรไหนก็ได้ เพราะเมื่อใส่ปุ๋ยจากการกำหนดปริมาณปุ๋ยของธาตุอาหารแล้วก็สามารถเลือกใช้ปุ๋ยได้ตามที่ต้องการตามความเหมาะสม
✅ ใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดต้นทุน
เพราะทำให้ไม่ใส่ปุ๋ยมาก หรือ น้อยเกินไป จึงเป็นการประหยัดต้นทุนการใส่ปุ๋ยได้ นอกจากนั้นยังทำให้สามารถเลือกปุ๋ยเองได้เพราะมีความรู้เรื่องธาตุอาหาร ไม่จำเป็นต้องซื้อปุ๋ยตามที่ร้านแนะนำที่อาจมีราแพงกว่า
สร้างกองทางเป็นรูปตัว T หรือ C รอบต้นปาล์ม |
✅ ผลผลิตสูงขึ้น
ในแง่ของผลผลิตก็สูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 5.2-5.7 ตัน/ไร่/ปี ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยเรื่องสภาพแวดล้อมบางอย่างมาทำให้ผลผลิตลดลงแต่ก็ลดลงไม่มาก ถ้าปีไหนน้ำดีผลผลิตไม่ต่ำกว่า 5 ปีแน่นอน
สรุปว่าเมื่อเราใช้ปุ๋ย ถูกสูตร ถูกปริมาณ ถูกเวลา ถูกที่ ช่วยให้เรา มีภูมิคุ้มกันเรื่องปุ๋ยที่ดี สามารถ ใช้ปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน แต่ได้ ผลผลิตสูงขึ้น เรียกว่าครบสูตรแบบนี้ลองไปทำตามดู
👉ดูคลิปวิดีโอ
ขอขอบคุณ : คุณณัฐดนัย สุขรัตน์
โทรศัพท์ : 062-351-5356
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น